ไม่มีใครทำอะไรแบบเดิม แล้วได้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไป การ “คิดบวก” หรือพยายามเปลี่ยนแปลงความคิดไปในเชิงบวก เป็นองค์ประกอบของการรักตัวเอง เพื่อให้คุณกลายเป็นคนที่ดีและมีความสุขกว่าเมื่อวาน หากในทุกวันนี้.. คุณเป็นคนนึงที่คิดอะไรติดขัด สมองไม่แล่น เจรจาไม่คืบหน้า ความสัมพันธ์ดำดิ่ง ไม่เป็นตามความคาดหวัง และสวนทางกับแรงพยายามที่ทุ่มเทลงไป ลองปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิด คิดบวกให้มากขึ้น เปิดรับความรู้หลายแขนง ยอมรับการเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากที่จะลองรับข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณา
และนี่เป็นข้อมูลสาระเพื่อเปิดมุมมองใหม่ ๆ นำมาแบ่งปันสำหรับคนที่อยากไปดาวอังคารโดยไม่ต้องรอขึ้นยานของ Space X เรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองไปพร้อมกัน ที่บางส่วนเรียบเรียงมาทั้งหมด 10 อย่าง จากหนังสือ Good Vibes, Good Life ของ เว็กซ์ คิงส์ คุณไม่จำเป็นต้องทำให้ได้ทั้งหมด ลองอ่านและเลือกทำจากสิ่งที่ง่ายที่สุดเป็นลำดับแรกก่อน
ขอบคุณให้เก่ง
เริ่มต้นด้วยการกระทำง่าย ๆ แต่มีอิมแพ็คสูง เพราะการรู้สึกขอบคุณนั้นทำได้ง่ายและทันที ไม่มีใครรู้สึกแย่ ในขณะที่รู้สึกขอบคุณ การรับรู้เรื่องดี ๆ ในแต่ละวันและรู้สึกขอบคุณกับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตจะทำให้คุณเห็นแสงสว่าง และมองสิ่งรอบข้างในแง่ดีได้อย่างไม่รู้ตัว
ก่อนจะบ่นว่าอ้วน.. ลองนึกดูว่าบางคนยังไม่มีแม้อาหารให้กิน
ก่อนจะบ่นเรื่องงาน.. บางคนอาจไม่มีแม้กระทั้งเงิน
ก่อนจะบ่นเรืองทำความสะอาดบ้าน.. ตระหนักให้ดีว่าบางคนไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่อาศัย
อยู่กับคน “คิดบวก”
วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าพลังงานถ่ายทอดกันได้ ดังนั้นการอยู่ท่ามกลางคนคิดบวกคือคีย์เวิร์ดสำคัญ เอาตัวเองไปอยู่รอบ ๆ คนที่รู้สึกดีกว่าคุณ ให้พลังบวกของพวกเขาซึมซับไปที่คุณ เวลารู้สึกไม่ค่อยดี พยายามอยู่ใกล้คนที่รู้สึกดีไว้ คนร่าเริง คนที่เราไว้ใจ คุณจะดูดซับพลังงานบางส่วนจากพวกเขาได้ ทำตัวคุณให้เหมือนสาหร่ายสีเขียวที่คอยดูดซับพลังงานจากพืชชนิดอื่น
พวกเขาเหล่านั้น กลุ่มคนคิดบวกมักให้มุมมองเกี่ยวกับปัญหาของเราได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากเขามีอารมณ์เป็นบวก จึงมีแนวโน้มที่จะมีวิสัยทัศน์เชิงบวกต่อสิ่งที่เรากำลังเผชิญ โดยจะพยายามมองหาข้อดีของปัญหานั้น ๆ และให้เรายกระดับความรู้สึกหันไปจดจ่อกับสิ่งอื่นที่ช่วยยกระดับความรู้สึกมากกว่า ดังนั้นขอให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืนกับคนคิดบวกไว้เสมอ เมื่อคุณใช้เวลากับคนที่เพิ่มคุณค่าให้ชีวิตและทำให้อารมณ์ดีขึ้น คุณก็จะรับรูปแบบการคิดที่ให้กำลังใจมาที่ตัวเองโดยไม่รู้ตัว และถ้าคุณสัมผัสอารมณ์เชิงบวกอยู่เรื่อย ๆ จากการอยู่กับคนคิดบวก.. คุณเคยได้ยินเรื่องกฎของแรงดึงดูด (Law of attraction) ใช่หรือไม่ ?.. นั่นแหละ คุณก็จะดึงดูดคนคิดบวกเข้ามาในชีวิตมากขึ้น และส่งเสริมให้รอบตัวเรามีแต่ความรู้สึกดี ๆ หากคนรอบข้างคุณก็ส่งต่อพลังบวกของเขาไปยังผู้อื่นต่อไปเช่นกัน แผ่ขยายไปไม่รู้จบ และใช่.. นั่นคือสังคมในอุดมคติ ที่สามารถเริ่มได้จากสังคมเล็ก ๆ อย่างคู่รัก ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง
ภาษากายก็สำคัญ
“การฝืนยิ้ม” แม้ไม่ได้อยากจะยิ้ม ไม่ใช่การแสแสร้งแกล้งทำ แต่เป็นผลดีต่อตัวเองในเวลาที่เราอยากจะสวิตช์อารมณ์ไม่ให้ดำดิ่งเมื่อเกิดเรื่องที่เป็นลบในจิตใจ วิธีนี้เป็นการหลอกสมองอย่างได้ผลว่าตัวเองกำลังมีความสุดจริง ๆ และปล่อยฮอร์โมนแห่งความสุขอย่างเจ้าเอนดอร์ฟินออกมา.. หากอ่านถึงตรงนี้แล้วไม่เชื่อ คุณลองเเกล้งยิ้มรับดูสิ 🙂
ร่างกายของเราส่งอิทธิพลต่อความคิดและความรู้สึกได้ การเปลี่ยนสถานะกายภายนอกทำให้สถานะภายในเปลี่ยนเเปลงตาม แม้เวลาคุณสื่อสารกับผู้อื่นจะใช้ภาษาพูดเป็นคีย์ในการสื่อสารก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่า ภาษากายเองก็ถูกถ่ายทอดไปไม่น้อยเลยเช่นกัน สีหน้า ท่าทาง โทนเสียง หรือท่าทางเวลาพูด ดังนั้นคุณก็ควรให้ความสำคัญกับภาษากายไม่แพ้กัน
ขณะพูดคุณต้องเชื่อก่อนว่าตัวเองรู้สึกดีและมีความสุข จากนั้นสมองจะสั่งงานอัตโนมัติให้สีหน้าของคุณว่าควรเป็นแบบไหน ท่าทาง การยืน การนั่ง ตำแหน่งมือ น้ำเสียงหรือจังหวะการพูดควรเป็นอย่างไร.. ไม่มีผิดหรือถูก เพียงแต่คุณต้องเริ่มที่ตัวเอง
ถอดปลั๊กออกจากโลกชั่วคราว
การหาเวลาพักผ่อน และผ่อนคลายเพื่อทิ้งระยะห่างจากสิ่งที่ทำให้เครียด เป็นขุมพลังที่สูงส่งหากใช้ได้ถูกเวลา แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องการเวลาพักแล้ว ?..
เราถูกกระตุ้นได้ง่ายจากสภาพสังคมปัจจุบันและโลกโซเชียลที่บางครั้งคุกคามความเป็นส่วนตัว คุณลองสังเกตตัวเองว่าหากมีคนพยายามทำสิ่งที่ดีกับคุณ แต่คุณรู้สึกว่าเขาพยายามมากเกินไป หรือเริ่มกินพื้นที่ของคุณแล้ว นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณเข้าสังคมมากไปแล้ว แม้จะรู้สึกแย่บ้างเพราะคนคนนี้หวังดี แต่ก็อยากให้เขาเลิกทำเสียที สิ่งนี่อาจเรียกว่าเป็นการมีความต้องการอยู่ห่างจากผู้คนหลังจากใช้เวลากับพวกเขาไปแล้ว ซึ่งไม่เป็นเพียงประโยชน์ต่อตัวคุณ แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาด้วย เพราะหากยิ่งปล่อยให้ตัวคุณเองเหนื่อยล้าจากการอยู่กับผู้คนโดยไม่ได้ชาร์จพลัง อาจจะเกิดพวกลบกันทั้งสองฝ่าย
การพักผ่อนไม่มีวิธีอะไรซับซ้อน แค่พยายามอยู่กับธรรมชาติ เอาตัวเองออกจากกรอบของเทคโนโลยีบางอย่างตามความเหมาะสมเท่าที่ทำได้ แล้วออกไปเดินเล่น ทำสวน มองดาว ปะทะแสงแดดบ้าง เพื่อรับวิตามินดีและเซโรโทนินแห่งความสุข
ค้นหาแรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจเป็นตัวขับเคลื่อนชีวิตชั้นดี และทำให้คุณมองโลกในแง่ดี คุณสามารถรับแรงบันดาลใจได้จากหลายทาง ไม่ว่าจะจากหนังสือแนวพัฒนาตนเอง สื่อโซเชียลอย่างพอดแคสท์ หนังสักเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างดีเยี่ยมอย่าง The Secret Life of Walter Mitty แม้กระทั้งคำคม บทความต่าง ๆ รวมไปถึงศึกษาสตอรี่เรื่องราวใครคนดังในสังคมที่เขาเคยล่มลุกคลานมาจนกว่าจะมีวันที่ประสบความสำเร็จก็ถือเป็นยาเร่งชั้นดีในการสร้างแรงบันดาลใจ และเมื่อมีแรงบันดาลใจแล้ว คุณจะมีแรงขับเคลื่อน มีโอกาสพบเจอสิ่งต่าง ๆ ที่น่าสนุกมากมายในชีวิต
ห่างการนินทาและเรื่องดราม่า
หากสังเกตดู คุณก็อาจจะพบว่าสังคมรอบข้างคนเราต่างก็นินทาคนอื่น ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว การนินทานั้นทำลายตัวตน คนเรามักทำไปเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีเหมือนได้อยู่เหนือคนอื่น การนินทามักมากับอคติ และพื้นฐานของความเกลียดชัง และจะดึงดูดแต่สิ่งที่ไม่น่าพอใจเข้ามาในชีวิต คนเรามักพอใจที่ได้พูดถึงคนอื่น และแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็ชอบฟัง แต่ก็แปลกที่ทุกคนกลับไม่ชอบที่จะถูกเป็นหัวข้อให้ถูกพูดถึงซุบซิบนินทาเสียเอง
ดังนั้นพาตัวเองออกห่างจากทั้งการเป็นผู้พูดและผู้ฟังบทสนทนาที่เกี่ยวกับผู้อื่น เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องลบ เรื่องเครียด ดราม่า และความกังวลต่าง ๆ แต่ให้เปลี่ยนไปคุยเรื่องบวก หรือใช้วิธีการหารือถึงปัญหาและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันดีกว่า และต้องมั่นใจว่าการกระทำและบทสนทนานั้นไม่ได้เกิดจากความปรารถนาที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกเหนือกว่าด้วยการดูถูกคนอื่น แทนที่จะนินทาหรือดึงดราม่า ลงทุนเอาเวลาที่มีค่าของคุณด้วยการทำสิ่งสร้างสรรค์กันดีกว่า
แยกแยะอาหารและน้ำ
อาหารประเภทจังก์ฟู้ดที่ถูกออกแบบมาให้อร่อย กินง่าย แต่สารอาหารน้อย กินมากเข้าทำให้น้ำหนักขึ้น อ้วน ไม่มีเรี่ยวแรงและขี้เกียจ ส่งผลต่อความกระปรี้กระเปร่าในการดำเนินชีวิต และแน่นอนว่าคุณคงไม่มีพลังงานเพียงพอที่จะคิดบวกหากรับประทายอาหารประเภทนี้เข้าไปเยอะ ๆ ดังนั้นอาหารและเครื่องดื่มดี ๆ ก็มีผลกับความคิดบวกอย่างมีนัยยะ อาหารที่อยากแนะนำให้คุณกินจึงเป็นพวกผลไม้และผักสด ธัญพืชไม่ขัดสีหรือขัดสีน้อย เช่น อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน ถั่วเหลือง รองลงมาเช่น ผักลวก นม เนย ไข่ น้ำผึ้ง ปลาสุก อ้อย เป็นต้น
น้ำก็สำคัญไม่แพ้กัน ร่างกายคนเราประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ประกอบด้วยน้ำ น้ำกรองสะอาดใหม่ ๆ ควรค่าแก่การดื่มในทุก ๆ วัน ถ้าระดับน้ำในร่างกายลดลงต่ำกว่าปริมาณที่ร่างกายจำเป็น จะทำให้ไม่มีสมาธิ วิงเวียน และตอบสนองได้ไม่ค่อยดี
รีวิวอารมณ์ตัวเอง
อย่าข่มความรู้สึกเชิงลบที่มี คุณต้องไม่เมินเฉยต่ออารมณ์ลบที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะใคร ๆ ก็เป็นกันได้ แต่ควรรู้จักสังเกตตัวเองเพื่อสร้างความเข้าใจกับมัน และเปลี่ยนอารมณ์เชิงลบให้เป็นบวก นี่เป็นเรื่องสำคัญมากในการพัฒนาตนเอง
วิธีเปลี่ยนอารมณ์เชิงลบ
- ระบุ : การจะเปลี่ยนสถานะทางอารมณ์ คุณต้องระบุอารมณ์ที่กำลังรู้สึกในขณะนั้นก่อน เช่น คุณกำลังกลัว กำลังรู้สึกว่าถูกเพิกเฉยและไม่มั่นคง
- ท้าทาย : ถามตัวเองว่าทำไมรู้สึกแบบนั้น อะไรคือสาเหตุ
- เข้าใจ : โฟกัสไปที่เบื้องลึกของอารมณ์นั้นให้ชัดยิ่งขึ้น ซื่อสัตย์และยอมรับมัน
- แทนที่ : ความคิดที่บั่นทอนนั้นต้องถูกแทนที่ด้วยกำลังใจ คุณต้องถามตัวเองว่า ต้องทำอย่างไรเพื่อให้ผลที่ต่างออกไปให้ ตัวเองรู้สึกดีขึ้นกว่านี้
- นึกภาพ : จินตนาการว่าคุณกำลังจัดการกับอารมณ์ที่กำลังรู้สึก ให้มีภาพในหัวว่าคุณกำลังดำเนินการกับสิ่งเหล่านั้น การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณเริ่มสร้างความเชื่อมโยงระหว่างความคิดและการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างอัตโนมัติ
โฟกัสที่ปัจจุบัน
อดีตที่ผ่านไปแล้วก็คือผ่านไป ไม่ว่าคุณจะสร้างขึ้นใหม่ในใจอีกกี่ครั้งก็ตาม อนาคตก็ยังมาไม่ถึง แต่มันอยู่ในส่วนนึงของปัจจุบันที่คุณก็อาจจะลืมสังเกตไป ใส่ใจกับปัจจุบันให้มาก ขอแนะนำให้คุณใช้ชีวิตบนโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างมีขอบเขตและมีสติ เพราะมันทำให้คนเราไม่มองปัจจุบัน ถ้าหากไม่ดึงสติกลับมาและสนใจปัจจุบัน จะทำให้คุณยิ่งวิตกกังวล กลัว และเครียด ความคิดแง่บวกจะน้อยลงเมื่อเราอยู่ในจินตนาการที่ขัดกับความเป็นจริง
ทุกวินาทีที่นึกถึงอดีต เท่ากับเลี่ยงการโอบกอดปัจจุบัน ทุกวินาทีที่เพ้อฝันถึงอนาคต ทำให้คุณกลัวและไม่ลงมือทำ ดังนั้นให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไปกับการยึดติดอดีตและครุ่นคิดอนาคต
ทำสมาธิ
การทำสมาธินิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีกำแพงกั้นระหว่างศาสนา แม้แต่เด็กรุ่นใหม่ก็ยังให้ความสนใจ การทำสมาธิจะช่วยให้คุณเชื่อมโยงกับปัจจุบันได้ เพราะมันฝึกฝนให้คุณให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ณ เวลานั้น พิจารณาแยกแยะลมหายใจเข้าและออก ความรู้สึกในทุกอณูของร่างกาย ปอด กระบังลมที่ตอบรับอากาศที่หายใจเข้าไป และส่งออก ความผ่อนคลายของใบหน้า กล้ามเนื้อ พิจารณาความรู้สึกของผิวที่ปะทะอากาศที่หมุ่นเวียนในห้อง และหูที่ได้ยินเสียงของลมแอร์เบา ๆ
หากพัฒนาการทำสมาธิไปเรื่อย ๆ จะพบว่าคุณจะมีสกิลพิเศษที่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ โกรธน้อยลง สงบแม้อยู่ในสถานการณ์โกลาหล อีโก้ลดต่ำลง และแน่นอนคุณจะได้รับความรู้สึกเชิงบวกเป็นโบนัส
Cover Image : Image by jcomp on Freepik
Credit : หนังสือ Good Vibes, Good Life โดย เว็กซ์ คิงส์