นี่ทุกคน…มีใครมีเพื่อนร่วมงานขี้วีน โกรธง่าย บ้างไหม ? แบบว่าพอเห็นใครทำอะไรผิดระเบียบ ไม่มีวินัย ก็พร้อมบวกอยู่เสมอ อยากบอกว่า การทำงานเป็นทีม ของทุกบริษัทมีคนแบบนั้นอยู่เสมอแหละ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีหลักการของตนเอง มีระเบียบวินัยในการทำงานสูง และมักจะคาดหวังว่าสิ่งรอบตัวจะเป็นอย่างที่ตัวเองคิดและทุกคนก็ควรทำตามสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เสมอ แต่เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ก็พร้อมที่จะระเบิดออกมาเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่ฝ่าฝืน ผิดร่องผิดลอย ไม่เคารพกติกา

บทความนี้เราได้เรียบเรียงมาจากบทหนึ่งของหนังสือจิตวิทยาว่าด้วยเรื่อง “จริต 6 ศาสตร์ในการอ่านใจคน” ของ ดร. อนุสร จันทรพันธ์, ดร. บุญชัย โกศลธนากุล นำมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้กับชีวิตในที่ทำงาน

อย่างไรก็ดี เราไม่ได้ตัดสินหรือสรุปว่าเพื่อนร่วมงานขี้วีน โกรธง่าย ดีหรือแย่ แต่เราจะพยายามช่วยทุกคนแยกแยะให้ออกว่าเพื่อนร่วมงานคนไหนคือขาวีน ตลอดจนสังเกตตัวเองว่าเราเองหรือเปล่านะที่เป็นขาวีนเช่นกัน และสุดท้ายงัดอาวุธสุดปังเพื่อรับมือกับสิ่งเหล่านั้นซะ !

คนไหนเป็นขาวีน สังเกตอย่างไร

อย่างแรกสังเกตวิธีการพูด เพื่อนร่วมงานที่ขี้วีน โกรธง่าย มักเป็นคนตรงไปตรงมา พูดเร็วมีพลัง เสียงดังน่าเกรงขาม ฟังแล้วไม่ค่อยรื่นหูนัก พูดจาไม่ฟุ้งซ่าน ตัดบทเก่ง และที่สังเกตได้ชัดเจนคือมักเป็นคนที่ชอบชี้ถูกชี้ผิด เพราะเป็นการย้ำจริตในตัวเองว่าเป็นคนยึดมั่นในหลักการ ยึดเกณฑ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง

ถัดมา หากสังเกตด้วยวิธีแรกไม่ได้ เพราะอาจจะเพิ่งร่วมงานกันไม่นาน ให้ทุกคนสังเกตสิ่งที่อยู่ภายนอก เช่น การแต่งกาย บุคลิก แน่นอนว่าเขาเหล่านั้นแต่งกายเป็นระเบียบ ประณีต สะอาด เสื้อผ้าโทนคัลเลอร์ฟูลหรือไม่ก็คุมเข้มไปเลยก็มี ท่าทางการเดินคล่องแคล่วรวดเร็ว เพราะรู้เป้าหมายชัดเจน ดวงตาสว่างไสว เพราะสมาธิสูง ดูมีออร่า แต่โดยปกติเท่าที่สังเกตได้คือมักอยู่ตัวคนเดียวในที่ทำงาน ไม่ค่อยมีคนติดสอยห้อยตามมากนัก

Image by Freepik

จุดแข็ง vs จุดอ่อน

จุดแข็ง : การทำงานเป็นทีม กับคนขี้วีน โกรธง่าย มักเป็นเพื่อนร่วมงานที่อุทิศทุ่มเทให้กับการงานสูง ทำงานได้เร็ว ไม่ค่อยผิดพลาด มักพบในนักบัญชี หรือส่วนงานควบคุมมาตรฐาน ควบคุมระเบียบปฏิบัติการขององค์กร หากเป็นนักวิเคราะห์ก็ทำได้ดี เพราะมองอะไรตามเหตุและผลทั้งกระบวนการ โดยรวมแล้วพึ่งพาได้ เพราะมีหลักการ ไม่มั่ว มีความจริงใจ พูดอะไรคำไหนคำนั้น ไม่แทงข้างหลัง หากด่าก็ด่าต่อหน้า ลั่นวาจากลางที่ประชุม ลักษณะดังกล่าวทำให้มีบารมีหรือเป็นที่เกรงกลัวของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว หากทำธุรกิจกับเพื่อนร่วมงานประเภทนี้ก็ถือว่าผ่าน เพราะธุรกิจที่ดีต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจและเชื่อถือได้

จุดอ่อน : โกรธได้ทั้งวัน มักมีมายด์เซ็ตที่ไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ขาดความหยืดหยุ่น อารมณ์ขุ่นมัวและมักนำมาซึ่งโรคภัย ออฟฟิศซินโดรม ไมเกรน ความดัน เบาหวาน และอีกมากมาย บางครั้งใช้คำพูดก้าวก่ายรุนแรงกับเพื่อนร่วมงาน เสียดแทงจิตใจผู้อื่น และอาจเป็นที่เกลียดชัง นำไปสู่การทะเลาะวิวาท ขาดความคิดสร้างสรรค์เพราะยึดในหลักการมาก ขาดทักษะการขาย และต่อรองเจรจาไม่เป็นศิลปะ เหมาะกับการทำงานหลังบ้านมากกว่าการออกไปพบปะหรือประสานงานกับคนหมู่มาก

รับมืออย่างไร ? ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานขี้วีน

ยิ่งกว่าถูกหวย ! ดันเจอหัวหน้าขี้วีน

แน่นอนถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แล้วเราจำเป็นต้องทำงานนั้นให้บรรลุเป้าหมาย การลาออกเพื่อหนีหัวหน้าขี้วีนอาจไม่ใช่ทางออก ดังนั้นเราต้องให้ความเคารพ และระวังคำพูดเป็นพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงการจุดชนวนระเบิด การสงบสติอารมณ์ และใช้น้ำเย็นเข้าลูบเป็นสิ่งสำคัญ การปั่นหน้าเศร้าสามารถสร้างความเห็นอกเห็นใจและลดอารมณ์ขุ่นมัวลงได้ ให้ตระหนักไว้ว่าหัวหน้าขี้วีนประเภทนี้แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้เวลาโกรธ แต่เมื่อผ่านไปเขาจะเสียใจในสิ่งที่ตัวเองพูดหรือทำลงไป

เราต้องหลีกเลี่ยงการชี้ผิดถูกตรง เพราะใช้ไม่ได้กับหัวหน้าประเภทนี้ ให้เราใช้ถ้อยคำที่ฉลาด และพยายามเสนอมุมมอง เช่น “ไม่ทราบว่าถ้าเป็นวิธีนี้จะเหมาะสมกว่าหรือไม่ครับ” จำไว้ว่า การหลบหลีกไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่เป็นความฉลาดของการเอาตัวรอด

การคุยกับหัวหน้าประเภทนี้ทุกคนต้องเตรียมข้อมูลให้ดี มีเหตุมีผล มีข้อเท็จจริง ตรงต่อเวลา รักษาคำพูด และห้ามกลัวหรือประหม่าเป็นอันขาด หากเราทำได้ ข้อดีของการมีหัวหน้าประเภทนี้คือเขาจะชื่นชมและไว้ใจเราอย่างจริงใจ มีผลกับความก้าวหน้าในการทำงานค่อนข้างสูง

แล้วถ้าต้องบริหารลูกน้องขี้วีนล่ะ ?

ลูกน้องขี้วีนถือเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เชื่อถือได้ ไม่โกง มีสัมมาคาราวะ เคารพเชื่อฟังหัวหน้า ทำงานใหญ่ได้ มีภาวะผู้นำและคอยแนะนำสนับสนุนคนอื่น ๆ เสมอ ถ้าซื้อใจลูกน้องประเภทนี้ได้ เสมือนมีแม่ทัพชั้นดี

ถ้าเรามีลูกน้องประเภทนี้ อย่างแรกเราต้องลดความเป็นตัวตนลง ให้สื่อสารด้วยน้ำเสียงเย็นนิ่งในการโน้มน้าวหรือสั่งการ การพูดหวานชื่นชมเป็นสิ่งที่ได้ผลดีกับลูกน้องสายวีน ในทางกลับกันการด่าหรีอตำหนิ หักหน้าในที่ประชุมเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาด เพราะเขาจะจดจำไปชั่วชีวิตและเตลิดเปิดเปิงไปในที่สุด สิ่งสำคัญต้องคุยกันบนพื้นฐานของกฏระเบียบหรือหลักเกณฑ์ เพราะโดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นคนเคารพหลักการ ห้ามจี้งานหรือจุกจิกตามงาน เพราะเขามีความรับผิดชอบ ต้องมีความจริงใจ ตรงไปตรงมา คำไหนคำนั้น ห้ามขายฝันกับลูกน้องประเภทนี้ เพราะเขาไม่มีวันซื้อ

Image by Freepik

หนักสุด รับมือกับลูกค้าขี้วิน

ลูกค้าขี้วีนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงลูกค้าขี้โวยวายไร้เหตุผล แต่หมายถึงลูกค้าที่พูดตรง โผงผาง ดั่งลักษณะนิสัยขี้วีน-โกรธง่ายตามที่กล่าวถึงกันมา หากเจอแบบนี้ในฐานะนักขาย ให้เราหมั่นย้ำเรื่องคุณภาพและประโยชน์ของสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าจะได้รับอยู่เสมอ ๆ ต้องพูดด้วยความจริงใจ กระชับและตรงจุด เขารู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร ขอแค่ให้เราอ่านใจให้ออก รับรองโดนใจเมื่อไหร่ ปิดการขายได้รวดเร็วแน่นอน !

กลับกันถ้าเราเตรียมข้อมูลได้ไม่ดี ตอบคำถามตระกุกตระกัก เตรียมใจได้เลยว่าจะโดนตอกกลับอย่างไร้เยื่อใยจากลูกค้ารายนี้เป็นแน่แท้ และสิ่งต้องห้ามที่สุดคือการขายที่พยายามกดดันให้เขาตัดสินใจหรือบีบบังคับด้วยเวลา เชื่อเถอะว่าคุณจะไม่มีวันได้เงินจากเขาเป็นอันขาด

แทกติกการขายที่ได้ผลอีกอย่างคือหมั่นดูแล ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบลูกค้าขาวีนอยู่เสมอ ให้เห็นว่าเราดูแลเขาอย่างจริงใจ ซึ่งได้ผลดีนัก ไม่ว่าจะเป็นการติดตามเพื่อปิดการขาย หรือเป็นการพยายามให้ซื้อซ้ำ

ปังแน่ ! สังเกตตัวเอง ไม่มีดีหรือแย่ แค่รักษาสมดุลย์ให้ได้

1. จุดเดือดต่ำ โมโหง่าย รำคาญง่าย

วิธีรับมือสุดปัง : หากเริ่มโมโหและรำคาญใจ ให้ ตั้งสติ และนึกว่า ตัวเราเป็นดั่งขอนไม้ที่นิ่งสงบ หลับตานึกภาพขอนไม้ใหญ่ที่วางอยู่เฉย ๆ ไม่สะทกสะท้านต่อลมฝน อ่านถึงตรงนี้แล้วอย่าเพิ่งร้องยี๋ เชื่อเถอะว่า การพยายามตั้งสติครั้งแรกไม่มีทางสำเร็จ แต่มันจะดีขึ้นถ้าได้ฝึกฝน การตั้งสติเหมือนการพัฒนาของกล้ามเนื้อ ไม่มีทางที่จะยกบาร์เบล 20 กิโลกรัม ได้ในการเข้ายิมวันแรกแน่นอน

2. อารมณ์ขุ่นมัว เวลาโกรธไม่ค่อยรู้ตัว จะรู้อีกทีก็เมื่อหายแล้ว

วิธีรับมือสุดปัง : สังเกตอารมณ์ของตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ ตลก รำคาญ โกรธ หงุดหงิด การฝึกถามตัวเองนี้จะทำให้เรารู้ภาวะจิตใจของตัวเองอยู่เสมอ และเราจะเริ่มเห็นอารมณ์ของตัวเองชัดเจนขึ้น เมื่อใดที่ความโกรธกำลังจะครอบงำ หากสังเกตเห็นอารมณ์ในตอนนั้นได้ ก็จะช่วยดึงสติกลับมาได้ ก่อนที่จะพูดหรือทำอะไรรุนแรงออกไป ขอบอกว่าสิ่งนี้พิสูจน์ได้ มีเหตุมีผล หากทำไปเรื่อย ๆ จะพบว่าเราจะเก่งขึ้นเพราะความโกรธนั้นจะหายไปโดยอัตโนมัติ

Image by diana.grytsku on Freepik

3. เสียงที่ตัวเองพูดสร้างศัตรู ไม่น่าฟัง เพื่อนร่วมงานไม่เข้าใจเสียที

วิธีรับมือสุดปัง : ลองอัดเสียงตัวเองในที่ประชุม แล้วลองเปิดฟัง พิจารณาว่าถ้อยคำ น้ำเสียงนั้น น่าฟัง น่าติดตาม หรือน่าเบื่อ น่ารำคาญ และให้ตั้งใจฟังว่าคำพูดเหล่านั้นง่ายต่อการเข้าใจหรือไม่ ลองทำซ้ำบ่อย ๆ เพราะโดยธรรมชาติหากเราเป็นคนขี้วีน โกรธง่าย แล้วละก็ เราจะไม่ค่อยได้ยินเสียงของตัวเองเท่าไหร่นัก หากเราพิจารณาเสียงที่เราเปล่งออกมาแล้ว เราก็จะเลิกสงสัยเสียทีว่า ทำไมเราพูดอย่างนี้แล้วเขายังไม่เข้าใจเราเสียที ทำไมเขาไม่ชอบเรา ทำไมเขาถึงโกรธเราทั้ง ๆ ที่เราก็คุยเรื่องงานอย่างมีเหตุมีผล คำถามเหล่านี้จะหายไป เมื่อคุณตั้งใจฟังทุกคำที่ตัวเองพูด

คิดก่อนพูด พูดทีละคำ ฟังทีละเสียง

4. การทำงานเป็นทีม ประสิทธิภาพลดลง เพื่อนร่วมงานหาย คนรอบข้างอึดอัด

วิธีรับมือสุดปัง : เรื่องนี้มาจากความเข้มในวินัยเกินต้าน และนิสัยส่วนตัวที่มีระเบียบจัด เห็นอะไรไม่ถูกที่ถูกทางก็วีน จนคนรอบข้างเกรงใจหรือหนักสุดคืออึดอัดที่จะเข้าหาหรือสนิทสนมด้วย เรื่องนี้ต้องขอบอกว่ารับมือยากกว่าเรื่องอื่น ๆ เพราะอยู่ที่วิธีคิดที่ติดตัวเรามายาวนาน แต่ขอให้ทุกคนลองพยายาม และคิดว่าโลกนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและกลไกบางอย่าง คนมีมากหน้าหลายตาหลากหลายความคิด ไม่มีอะไรถูกผิดแน่นอน

หมั่นศึกษาผู้คน ลองใช้ชีวิตแบบที่ไม่เคย เช่น ปกติขับรถไปทำงานประจำ ให้ลองเปลี่ยนมานั่งรถไฟฟ้าดูบ้างในบางวัน ลองไปซื้อกับข้าวมาทำอาหารกินเอง แทนการซื้ออาหารสำเร็จหรือไปกินที่ร้านอาหาร เข้าแกลอรี่ พิพิธพัณฑ์ เรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยเริ่มจากการหาหนังดูซักเรื่อง

ทั้งนี้การเปิดกว้างและทำตัวให้หยืดหยุ่นขึ้น พร้อมรับมือกับสถานการณ์แปลกใหม่ตรงหน้าที่เข้ามาก็ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถมิใช่น้อย และหากแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ได้ คุณก็ว้าวซ่าขึ้นอีกเป็นกองใช่มั๊ยละ !

Cover Image : Image by master1305 on Freepik


คอร์สอบรมแนะนำ “การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน” จากฐานข้อมูลอบรมดอทคอม

คอร์สอบรมแนะนำ “การพัฒนาตนเอง” จากฐานข้อมูลอบรมดอทคอม

Exit mobile version