ทุกคนมีเวลาใน 1 วันเท่ากับ 24 ชั่วโมง แต่ว่าชีวิตและหน้าที่ของเรานั้นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ไม่สามารถจัดแจงเวลาของตัวเองได้ ก็อยากจะขอแนะนำวิธี Work Life Balance ที่จะมาช่วยจัดการชีวิตที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ให้กลับมาเป็นระเบียบ และสามารถมีเวลาว่างเพียงพอให้คุณได้ไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ งานอดิเรกอื่น ๆ หรือจะอยู่กับครอบครัวและคนรอบข้างก็ได้เช่นเดียวกัน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนบ้าง.. เลือกใช้ให้เหมาะปรับใช้ให้เเมชกับคุณ !
รวมวิธีเด็ด Work Life Balance ปรับให้เข้ากับสไตล์คุณ
ก่อนอื่นต้องบอกว่าการ Work Life Balance ของแต่ละคนจะไม่มีทางเหมือนกัน แต่จะมีวิธีการหรือสูตรสำเร็จที่คล้ายกัน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในแบบที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคุณได้ ซึ่งสูตรที่จะแนะนำต่อไปนี้นับว่าเป็นวิธีที่นิยมที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ และแต่ละสูตรก็มีประสิทธิภาพมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือจำเป็นต้องเริ่มที่การ ปรับ mindset หรือกรอบความคิดของตัวเองให้ได้ก่อน จำไว้ว่า.. มิติของชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่เรื่องงาน แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะถ้าหากปรับ mindset ไม่ได้ ต่อให้สูตรใด ๆ วิเศษแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จอย่างแน่นอน
1. สูตรแบ่งเวลา 8 + 8 + 8 = 24 ชั่วโมง
สูตรแรกนับว่าเป็นนาฬิกาชีวิตที่ทุกคนพอจะรู้จักกันอยู่แล้ว นั่นก็คือ นอนหลับเป็นเวลา 8 ชั่วโมง , ทำงาน 8 ชั่วโมง และทำกิจกรรมอื่น ๆ อีก 8 ชั่วโมง วิธีนี้ถือเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดแล้วของการทำ Work Life Balance แต่จะต้องกำหนดเวลาในแต่ละส่วนให้ชัดเจนอย่างดี ไม่มีการผ่อนผันหรือผ่อนปรนใด ๆ ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น
- นอน 8 ชั่วโมง ตั้งแต่ 4 ทุ่ม – 6 โมงเช้า โดยจะต้องกำหนดเวลาไว้ชัดเจน และทำเสมอ
- ใช้เวลาในการทำงาน 8 ชั่วโมง เริ่มทำงานตอน 8 โมงเช้า – บ่าย 4 โมง (ถ้ารวมเวลาพักด้วย 1 ชั่วโมง ก็จะเลิกงานตอน 5 โมงเย็น)
- เวลา 8 ชั่วโมง จะเป็นสำหรับกิจกรรมสามารถกระจายช่วงรอยต่อของเวลา เช่น การทานข้าว การอาบน้ำ ดูหนัง หรือทำกิจกรรมในครอบครัว หรือทำงานอดิเรก ตรงนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะดีไซน์อย่างไร แต่ขอให้เป็นเวลาเดิม ๆ
2. สูตร Eisenhower Matrix
สูตรนี้นับว่าเป็นสูตรที่ใครหลายคนเลือกใช้ และสามารถการันตีได้เลยว่าชีวิตของคุณจะมีระเบียบ มีวินัย และสามารถไล่ลำดับความสำคัญได้เป็นอย่างดี สูตร Eisenhower Matrix คุณจะต้องเตรียมเครื่องมือหรือกระดาษมาแบ่งออกเป็นตาราง 2×2 หรือ 4 ช่อง ที่ประกอบไปด้วยคำคุณศัพท์ของงาน คือ เร่งด่วน (Urgent) สำคัญ (Important) ไม่เร่งด่วน (Not Urgent) และไม่สำคัญ (Not Important)โดยแต่ละหัวข้อของแต่ละช่องได้มีความหมายดังนี้
- Do it : งานเร่งด่วนและสำคัญ (Urgent & Important) งานที่อยู่ในช่องนี้คือคุณต้องให้ความสำคัญ เป็นงานที่มีเดดไลน์ชัดเจน หรืองานที่เร่งด่วนและสำคัญเป็นอย่างมาก และจำเป็นต้องทำให้เสร็จไม่เช่นนั้นจะมีผลกระทบอื่นตามมา เช่น งานโปรเจคลูกค้า ตอบอีเมลยืนยันการสั่งซื้อ ลูกป่วยกระทันหันและต้องไปรับกลับจากโรงเรียน
- Schedule it : งานไม่เร่งด่วนแต่สำคัญ (Not Urgent & Important) งานที่อยู่ในช่องนี้เป็นงานที่ไม่เร่งด่วน ไม่มีเดดไลน์กำหนดไว้ แต่เป็นงานสำคัญและหากทำงานเสร็จได้ คุณจะเข้าใกล้เป้าหมายยิ่งขึ้น เช่น งานวางกลยุทธ์การตลาดให้ธุรกิจส่วนตัว ลงเรียนคอร์สอบรมพัฒนาตนเอง ไปออกกำลังการที่ฟิตเนส
- Delegate it : งานเร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ (Urgent & Not Important) งานที่อยู่ในช่องนี้คืองานที่คนในทีมของคุณสามารถทำได้ หรือคุณสามารถมอบหมายให้คนอื่นทำแทนได้เพื่อให้งานเสร็จ เช่น การโพสต์บทความลงเว็บไซต์ (คุณเขียนบทความและส่งให้คนอื่นโพสต์) การเตรียมอาหารเย็น ส่งสินค้าให้ลูกค้าที่บ้าน
- Delete it : งานไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ (Not Urgent & Not Important) งานที่อยู่ในช่องนี้คืองานที่ไม่จำเป็นต่อชีวิต หากทำมันจะทำให้คุณเปลืองเวลาอย่างเปล่าประโยชน์ เช่น การเล่นโซเชียล ดูทีวี เล่นเกมส์ กินขนม
Eisenhower Matrix เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมทั่วโลก คุณจะใช้สำหรับการจัดการงานส่วนบุคคลหรือนำมาร่วมกันวางระเบียบงานให้กับทีมของคุณก็ได้เช่นกัน และเจ้าเครื่องมือยอดนิยมนี้ยังมีเทมเพลตฟรีมากมายให้เลือกดาวน์โหลดตามแต่ละแพลตฟอร์มหลัก ๆ ดังนี้
- Figma : Set your priorities straight with the Eisenhower matrix template
- Notion : The Eisenhower Matrix is a great way to organize your tasks
- Miro : Decide which tasks you should do first, which you can delegate, and which are optional by using the Eisenhower Matrix
3. สูตร กำหนดเป้าหมายและเวลาในแต่ละวัน
สูตรที่สามนี้ คนที่มีหน้าที่ในการทำงานที่ต้องผลัดเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดลึก หรือทำงานแบบเป็ดที่ต้องรู้กว้างแต่ไม่ต้องรู้ลึก จะเหมาะกับสูตรนี้เป็นอย่างมาก และทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ในหนึ่งวันคุณจะต้องลิสต์ออกมาเลยว่าจะทำอะไรบ้าง โดยเรื่องที่ลิสต์ออกมานั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่เรื่องงานเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องอื่น ๆ ที่เราทำเป็นประจำในชีวิตประจำวันก็ได้ สิ่งสำคัญคือคุณต้องเคารพและมีระเบียบวินัยในตัวเองอย่างมากเพื่อทำให้ To-Do List นี้นั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- ในทุก ๆ เช้า ลิสต์รายการทั้งหมดออกมาว่าวันนี้จะต้องทำอะไรบ้าง
- ไล่ลำดับความสำคัญของรายการที่จะต้องทำทั้งหมดในวันนี้
- หากระบุเวลาในการทำได้ ก็จะช่วยทำให้เป้าหมายเสร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น
- เมื่อสิ้นวัน นำลิสต์ดังกล่าวมารีวิว เขียนผลที่ได้จากการปฏิบัติงานตามลิสต์นี้ อันไหนทำสำเร็จอาจปรับสถานะเป็น Done หรือเช็คเครื่องหมายถูก อันไหนยังดำเนินการอยู่และไม่สามารถทำให้เสร็จในวันได้ ให้ใส่สถานะเป็น On-Going
- สำคัญที่สุดคือเช้าวันถัดมา หากมีงาน On-Going คงเหลือจากเมื่อวาน คุณต้องยกยอดมาเป็น To-Do List ของวันนี้ และลิสต์งานใหม่ ๆ ประจำวันนี้เข้าไปเพิ่ม เมื่อสิ้นวันก็วนลูปทำแบบนี้ไปทุกวัน
4. สูตร ปรับวิธีทำงานแบบคนขี้เกียจแต่เสร็จทันก่อนวันส่ง
สำหรับสูตรสุดท้ายจะเหมาะกับคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานเป็นอันดับหนึ่ง แต่ทว่าไม่สามารถจัดแจงเวลางานให้ตัวเองได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากใครมีความขี้เกียจในตัวเองสูง การเลือกใช้สูตรนี้จะช่วยทำให้มีเวลาว่างมากยิ่งขึ้น และสามารถเพิ่มสกิลได้มากยิ่งขึ้น โดยจะต้องทำตามด้านล่างดังนี้
- เมื่อได้งานมาให้กำหนดเดดไลน์ของตัวเองให้แน่ชัด ต้องไม่ยึดเดดไลน์จริง
- พยายามคิดในหัวว่าจะทำงานนี้ให้เสร็จเร็ว เสร็จไว สามารถทำได้อย่างไร พยายามทำแบบนี้ให้ได้ทุกงาน เชื่อเลยว่าเวลาในการทำงานของคุณจะน้อยลงอย่างแน่นอน
- ตั้ง mindset ว่าเริ่มทำทันทีให้มันจบ ๆ ไป อย่าดองหรือผัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด โดยอาจนึกสิ่งที่อยากทำต่อหลังงานเสร็จเพื่อกระตุ้นให้ทำงานได้ไวยิ่งกว่าเดิม
Work Life Balance ให้ดีจะได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
สรุปแล้วการสร้างสมดุลให้กับการใช้ชีวิตและการทำงานหรือ Work Life Balance จะช่วยทำให้ชีวิตดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งคงไม่มีใครปฏิเสธแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นการแบ่งแยกเวลาทำงาน แบ่งแยกเวลานอน หรือแบ่งแยกการทำกิจกรรมหรือสร้างความสัมพันธ์ แต่ที่สุดแล้วผลพลอยได้ที่จะได้ นั่นก็คือชีวิตได้มีเวลาหยุดพักหายใจ สมองได้พักผ่อน มีเวลาได้หยุดผ่อนคลาย รีชาร์จตัวเอง เพราะถ้าหากทำงานติดต่อกันแบบเป็นเวลานาน และไม่มีระเบียบวินัยอาจส่งผลต่อสุขภาพทางด้านร่างกายและจิตใจได้อย่างแน่นอน เผลอ ๆ จะส่งผลต่อปัญหาทางสุขภาพจิตก็เป็นได้.. รู้แล้วอย่ารอช้า รีบหาสูตรที่ลงตัวกับคุณ แล้วลงมือเลย !
Cover Image : Image by Freepik