ปัจจัยนึงที่สำคัญของคนเราไม่แพ้อาหารและยา นั่นคือ “ความรัก” บนพื้นฐานของคนสองคน ความรู้สึกดีต่อกัน ความสุข ชุ่มฉ่ำ เบิกบานใจ ที่มาในรูปแบบความสัมพันธ์ของ “แฟน” หรือ “คู่ชีวิต” แต่ความสุขนั้นไม่ได้ได้มาง่าย ๆ เพราะการจะมาเป็นคนรักกันจริง ๆ จะต้องผ่านเรื่องราวมากมาย ซึ่งมันไม่ได้มีแค่ความสุขเท่านั้น ยังมีความทุกข์ที่สลับไปมาให้ทุกคู่ได้ลิ้มรสสัมผัส บางคู่เมื่อประสบปัญหาก็อาจถอยหนี แต่บางคู่พยายามฟันฝ่าเพื่อรักษาความรักนั้นให้คงอยู่ ด้วยความยึดมั่นในศรัทธาเพื่อหวังเห็นแสงสว่างของอุโมงค์ปลายทาง
อย่างไรก็ตามความรักก็ยังคงสวยงามเสมอ.. และในบทความนี้เราจะมาขยายความกันว่า แนวทางเพื่อไปถึงแสงสว่างที่ปลายทางตามแบบฉบับของคนทั่วไปนั้นเขาทำกันอย่างไร เพื่อที่ทุกช่วงวัยของเราจะได้เติมเต็มกันและกัน เริ่มต้นจากป๊อปปี้เลิฟ เข้าสู่รักวัยใส ไปจนก้าวข้ามอุปสรรคและเป็นรักที่มั่นคงตราบสิ้นลมหายใจของกันและกัน
หันหน้ามองแฟนของคุณและเริ่มต้นสร้างนิยามของ “ความรัก” ของกันและกัน
เชื่อเลยว่าแต่ละคู่ที่ตัดสินใจเป็นแฟนกัน จะมีเหตุผลของการคบหาที่ไม่เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ในทุกคู่ควรจะ “นิยามความรัก” หรือ “นิยามความสัมพันธ์” ของคู่ตัวเองว่าเป็นอย่างไรเสียก่อน คู่ไหนยังไม่เคยคิดเรื่องนึ้ ให้ลองหันหน้าหาคนรักของคุณและพูดคุยกันดู.. เพื่อที่จะได้รู้ว่าอะไรคือ “เป้าหมายของความรัก” ที่คุณทั้งสองจะเดินหน้าไปด้วยกัน เหมือนกับการปักหมุดบนแผนที่เพื่อจะไปถึงจุดหมายปลายทาง.. ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคู่รักมักนิยาความรักไว้ประมาณนี้
- การให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน และพร้อมที่จะเสียสละเพื่อคนที่เรารัก
- การที่อยู่ด้วยแล้วเป็นความสบายใจของกันและกัน พร้อมซัพพอร์ตแต่ละฝ่าย
- การครอบครอง เราสองคนต้องรักกันด้วยความจริงใจและซื่อสัตย์
- การยอมรับอีกฝ่ายในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านที่ไม่ดี
- ความรักคือสิ่งสวยงามที่จะดำเนินชีวิตไปยัง “เป้าหมาย” ที่สองเราได้ตั้งไว้
- การสร้างอนาคต วางรากฐานให้มั่นคง เพื่อให้อยู่แบบสงบสุข ปลอดภัย
หากนิยามหรือเป้าหมายของคุณทั้งสองไม่ตรงกัน ขอให้คุยกันและปรับจูนกันอย่างมีเหตุและผล ไม่เอาแต่ใจ นี่แหละปัญหาแรกที่ความรักมันท้าทายคุณให้ก้าวข้ามก่อนไปเจอแสงสว่างที่ปลายทาง
เรียนรู้ “ความรัก” แต่ละช่วงวัย เพื่อสานสัมพันธ์ให้ยั่งยืน
ทีนี้เมื่อได้รู้ว่า “นิยามความรัก” ของแต่คู่ของคุณเป็นอย่างไรแล้ว ก็อยากให้ยึดมั่นตรงนั้นไปเรื่อย ๆ จะเป็นการช่วยประคองความรักให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ และถ้าหากอยากจะเปลี่ยนนิยามความรักก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ในเนื้อหาส่วนนี้ก็จะขอพาคุณไปทำความเข้าใจ “ความรักแต่ละช่วงวัย” มีลักษณะอย่างไร และจะเปลี่ยนผ่านไปช่วงต่อไปได้อย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความรักให้ยืนยาว
มัธยมฟีลป๊อปปี้เลิฟ
ช่วงนี้นับว่าใคร ๆ ต่างก็ต้องมีป็อปปี้เลิฟที่อาจจะแอบชอบใครสักคน โดยพื้นฐานส่วนใหญ่ในช่วงวัยนี้ของการมีแฟนก็จะกรี๊ดกราดกันที่หน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอก หรือหากใครมีความสามารถด้านดนตรีหรือกีฬาและมีโอกาสได้โชว์อ๊อฟที่โรงเรียนแล้วละก็ สิ่งนี้ดึงดูดให้เพศตรงข้ามพร้อมมอบความรักให้ได้ แต่ที่พบบ่อย ๆ ในวัยนี้คือความสัมพันธ์กุ๊กกิ๊กมักเริ่มจากการเป็นเพื่อน แต่อยู่ ๆ ก็ใจเต้นตึกตักคิดกันเกินเพื่อนซะงั้น คบกันได้ไม่นานพอเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยก็มักจะเลิกลากัน ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปเจอสังคมใหม่ แต่ถ้าไม่อยากเลิกกันก็ต้องหมั่นเติมความหวาน เทียวไปเทียวมาระหว่างมหาวิทยาลัยของทั้งคู่ คุณอาจเข้าไปอยู่ในสังคมของเขาบ้าง หรือชวนเขามาเข้าสังคมของคุณบ้าง ช่วงนี้ต้องมั่นคงไม่หลงแสงสี ก็จะทำให้สามารถรักษาความรักไว้ได้
วัยมหาลัยกับการเปิดโลก
หากใครมีความรักช่วงมหาลัยต้องบอกว่าเป็นวัยแห่งการผจญภัยที่เหมือนได้รับอิสระออกโลกกว้าง ดังนั้นการอยากจะมีใครสักคนในช่วงนี้นี่ถือว่าเป็นช่วงกำไรที่เราจะเปิดใจให้กับใครได้มากมาย และก็สามารถปฏิเสธใครได้มากมายเช่นกัน และหากได้คบกันเป็นแฟนช่วงแรก ๆ ในวัยนี้ก็มักหวานหอม บางคู่อาจจะได้มาอยู่ห้องหอร่วมกัน ใช้ชีวิตกินนอนร่วมกัน แน่นอนว่าปัญหาก็จะตามมา ถ้าปรับตัวในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ ก็จะสามารถผ่านช่วงเวลานี้ได้
วัยทำงานเริ่มต้นสิ่งใหม่
หลังจากเรียนจบนับว่าเป็นช่วงที่เข้าสู่ “วัยผู้ใหญ่” ดังนั้นชีวิตคู่ของแต่ละคนจะเริ่มมีหน้าที่รับผิดชอบกันมากขึ้น ทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เรื่องของงาน เรื่องของการใช้ชีวิตแบบที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งหากใครคบกันตั้งแต่ช่วงมหาวิทยาลัยต้องบอกเลยว่าต้องปรับจูนกันเยอะสุด ๆ เพราะเราจะไม่สามารถเกาะติดกันได้เหมือนตอนมหาวิทยาลัย ความรักในต้อนนี้มันไม่ได้มีแค่ความรักเพียว ๆ อีกแล้ว แต่มันมาพร้อมกับหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าสามารถผ่านช่วงนี้ไปได้ก็จะถือว่าคุณอาจจะรักษาความรักให้เข้าสู่ในช่วงต่อไปได้
วัย 25-28 ช่วงแห่งการเรียนรู้
เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงอายุ 25-28 ปี ถือว่าเป็นช่วงที่แต่ละคนมีประสบการณ์ในการทำงานมากขึ้น คุณอาจจะเริ่มมองหาความรักในแบบที่ไม่ใช่ในช่วงมัธยมหรือมหาวิทยาลัยอีกแล้ว และคงต้องการที่จะหาใครสักคนในแบบที่ตัวเองวาดฝันไว้ โดยอาจจะไม่ได้ให้ความรักเป็นทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เรียกว่าใช้ใจน้อยลงและเอาสมองนำ เพราะคุณจะต้องดูนิสัย หน้าที่การงาน ความมั่นคง เพราะหากคู่รักคนไหนซีเรียสเรื่องการมีอนาคตร่วมกันมาก ๆ ต่อให้คบกันมาตั้งแต่มัธยมก็อาจพังทลายได้
วัย 30+ ลงหลักปักรากฐาน
ในช่วงวัย 30-35 จะถือว่าเป็นช่วงที่มั่นคงที่สุด บางคนมีพร้อมทั้งทรัพย์สิน ทั้งหน้าที่การงาน ดังนั้นใครหลาย ๆ คนก็อาจจะเริ่มอยากก่อร่างสร้างครอบครัวจริงจัง และจะอยู่ด้วยกันให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแน่นอนว่าช่วงนี้ก็ยังมีกำลังพร้อมในการที่จะมีลูกด้วย หากคุณสามารถคบมาถึงตรงนี้เตรียมพร้อมทุกอย่างก็จะสามารถรักษาความรักไว้ได้ และถ้าหากใครหาคู่ในช่วงนี้ก็มีการตกลงปลงใจและแต่งงานได้เร็วที่สุดเช่นกัน
วัย 40 กับวิถีชีวิต Mid Life
พอเริ่มเข้าช่วงอายุ 40 แต่ละคนจะต้องประสบกับปัญหาวิกฤตวัยกลางคนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพร่างกายที่เริ่มโรยรา ฮอร์โมนร่างกายได้มีการเปลี่ยนแปลงไป ช่วงนาทีนี้ถ้าหากใครคบมานานอาจเป็นช่วงเหินห่าง แต่ก็อยากให้มองว่าช่วงนี้นับเป็นโอกาสที่จะย้อนวันวาน สร้างความรัก ความอบอุ่นให้หวานกว่าช่วงที่คบกันใหม่ ๆ พยายามเรียนรู้กันใหม่ ทำความเข้าใจกันใหม่ อยู่เคียงข้างกัน ถึงบางมุมของชีวิตจะเริ่มถดถอย แต่ก็ขอให้ยึดมั่นกับ “นิยามความรัก” ของคุณทั้งสองไว้เสมอ
ทบทวนความทรงจำ
สำหรับวัย 50 ปีขึ้นไป จะเป็นวัยที่ต้องเริ่มยอมรับในสิ่งที่ตัวเองและคู่รักเป็น เพราะวัยนี้เป็นวัยที่บางคนจะสามารถตระหนักได้ว่าเราเข้าใกล้ความตายขึ้นทุกที ดังนั้นความทรงจำเก่า ๆ มากมายของคนที่คุณได้รู้จัก หรือแม้แต่คู่ของคุณเองก็จะผุดขึ้นมา เพื่อทบทวนวันวานให้รู้สึกแช่มชื่น หรือมีปมอะไรบางอย่างที่อยากจะแก้ไขก็อยากจะทำให้ได้ ก่อนที่จะละสังขารและจากโลกนี้ไปอย่างสงบ แต่ให้พึงรู้ไว้เสมอว่าหากคนที่คุณรักยังอยู่เคียงข้างมาถึงตอนนี้นับว่าเป็นอะไรที่สวยงามที่สุดแล้ว
การรักษาความรักเป็นสิ่งพิสูจน์ความรักได้เป็นอย่างดี
การรักใครสักคนบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่เริ่มต้นได้ง่าย ๆ แต่การจะรักษาความรักให้คงอยู่เท่าที่นานได้ที่สุดนับเป็นเรื่องยาก แต่ใช่ว่าจะไม่สามารถทำได้เลย โดยสามารถอิงความรักแต่ละช่วงวัยที่ได้มีการอธิบายไปข้างต้น เพื่อทำความเข้าใจคู่ของคุณในแต่ละช่วงวัย พยายามปรับเปลี่ยนและทำความเข้าใจฝ่ายตรงข้ามเสมอ ๆ ให้เคารพตัวตนของกันและกันให้มากที่สุด และที่ขาดไปไม่ได้ก็คือ การเติมความรักให้แก่กันและกันนั่นเอง จะช่วยทำให้ครองคู่ได้นานที่สุด และอบอุ่นหัวใจที่สุดด้วยเช่นกัน
Cover Image : Image by marymarkevich on Freepik