*Trendy Now

ชั่วโมงนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความร้อนแรงของ House of the Dragon ซีรีส์ยอดนิยมส่งท้ายปี ดีไม่แพ้ซีรีส์ในสตอรี่ไลน์เดียวกันอย่าง Game of Thrones และเชื่อไหมว่า.. เพียงแค่ซีซันที่หนึ่งก็สามารถโกยสกอร์จากบ้าน imdb ไปถึง 8.6/10 และจาก Rotten Tomatoes 86% หากคุณเป็นคนนึงที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้ว จะเห็นว่าตัวละครใน House of the Dragon มีความโดดเด่นและบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของตัวละครนึงมักพาคุณไปเจอประเด็นต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้น ซับซ้อนแต่ก็สอดประสานกันได้อย่างสนุก…

*รักโลก รักสุขภาพ

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย…

สิ่งที่เรียกว่า ‘ธุรกิจ’ ในสายตาของคุณนั้นคืออะไร ?.. หากย้อนกลับไปสิบถึงยี่สิบปีก่อน การมีแบรนด์คงไม่ใช่สิ่งสลักสำคัญอะไรมากมายสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง พ่อค้าแม่ขายตลาดนัด คุณป้าร้านขายของชำ ไปจนถึงอาเฮียร้านห้องแถวขายอุปกรณ์ก่อสร้าง พวกเขาก็ยังสามารถทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ…

ถอดบทเรียน “ธุรกิจเจ๊ง” เช็คความเสี่ยงว่าธุรกิจคุณเข้าขั้นวิกฤตแล้วหรือยัง ? ปกติแล้วบทความส่วนใหญ่จะให้หนทางทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ พร้อมแนะนำเคล็ดลับต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าหากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจหรือทำธุรกิจแล้วกำลังประสบกับความเสี่ยงในการทำให้ ธุรกิจเจ๊ง…

หัวใจหลักของ Marketing 4.0 คือ การบูรณาการเครื่องมือทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่เกิดจากดิจิตัลเทคโนโลยีต่าง ๆ ผสมผสานเข้ากับ กลยุทธ์การตลาด จนเกิดเป็น Big…

โลกธุรกิจยุคดิจิทัลทุกวันนี้.. การแข่งขันสูง ต้องแข่งกับเวลา วิธีบริหารแบบเดิมที่เน้นวางแผนกลยุทธ์ให้แน่นอนก่อนแล้วค่อยลงมือทำ ถือว่าช้าเกินไปและใช้ไม่ได้ผลดีกับยุคนี้แล้ว ซึ่งปัญหานี้ก่อให้เกิดโซลูชันการบริหารแบบใหม่ คือ “การบริหารด้วย Business Model…

อ่านหัวข้อแล้ว ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า เราไม่ได้จะบอกว่าการหาลูกค้าใหม่เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นหรือกลยุทธ์การลดราคาเป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้ แต่อยากให้ลองคิดว่า หากลูกค้าที่ได้มามีแต่ลูกค้าครั้งเดียว (one-time customer) คุณก็คงต้องลดราคาอยู่เรื่อยไป จนกระทั้งนั่นกลายเป็น “ราคาปกติ”…

ธุรกิจเริ่มปัง จะ จดทะเบียนบริษัท แบบไหนดี ? ทุกคน ทุกคนรู้มั๊ยว่าทุกวันนี้การเริ่มทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องยากเหมือนในอดีต เพราะเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการผลักดันธุรกิจให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเริ่มต้นแล้วจะสำเร็จทุกรายหรอกนะ ดังนั้นก่อนเริ่มทำธุรกิจ…

Business knowledge 77%
Technology 71%
Self development 90%
Potential improvement 86%

Athena new release

ถอดบทเรียน “ธุรกิจเจ๊ง” เช็คความเสี่ยงว่าธุรกิจคุณเข้าขั้นวิกฤตแล้วหรือยัง ? ปกติแล้วบทความส่วนใหญ่จะให้หนทางทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ พร้อมแนะนำเคล็ดลับต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าหากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจหรือทำธุรกิจแล้วกำลังประสบกับความเสี่ยงในการทำให้ ธุรกิจเจ๊ง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? Convincing จิตวิทยาและวาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจ “เคล็ดลับ! การโน้มน้าวใจคนให้สำเร็จ ด้วยเทคนิคเชิงจิตวิทยาและศิลปะการพูด”หลักการและเหตุผลการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันหลากหลายองค์กรต่างเห็นความสำคัญถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์”บุคลากร”ทางด้านทัศนคติกระบวนการความคิดให้เกิดความสุขในการทำงาน องค์กรจึงต้องนำศาสตร์และศิลป์ทางจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในการวางแผน บริหารจัดการ การจูงใจ การเจรจาต่อรอง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? หลักสูตร Generative AI for Productivity เรียนออนไลน์ผ่าน Zoom Meeting…

เปิดรับสมัครแล้ว คอร์สเรียนออนไลน์ “ก้าวแรกสู่ การพูดในที่สาธารณะ” คอร์สเรียนทักษะการพูดในที่สาธารณะที่โฟกัสตรงจุด ทำให้คุณพัฒนาทักษะการพูดเป็นเร็วขึ้น SPEAK SPARK ได้กลั่นกรอง “ศาสตร์และศิลป์”…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลงานขององค์กรเพื่อให้ได้งานเชิงพัฒนามากขึ้น หลายองค์กรได้เลือกทำการปรับปรุงแนวทางการกำหนดตัวชี้วัดผลงานเช่น KPIs โดยเปลี่ยนไปเป็นการตั้งเป้าหมายในเชิงพัฒนา รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดผลงานแบบที่มุ่งเหตุที่ทำให้เกิดผล และผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการ มากกว่าที่จะตั้งตัวชี้วัดผลงานแบบงานประจำ และตัวชี้วัดผลงานที่มุ่งวัดผลเบื้องต้นเท่านั้น…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? ทําความรู้จักกับไคเซ็น (KAIZEN) เครื่องมือที่ช่วยในการทําไคเซ็นในสํานักงาน หมวดหมู่ งานบุคคล HR การทำงาน…

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย ตลอดจนการลงทุนาสร้างโปรเจคอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไร และแน่นอนว่ามันคีพคูลเข้ากับเทรนด์ Eco Friendly ในเจเนอเรชั่นนี้มาก…

การ ทำธุรกิจกับเพื่อน หรือแฟน ใครหลายคนต่างก็บอกว่าเป็นความหายนะ เพราะธุรกิจอาจพังยังไม่พอ คุณยังอาจจะเสียความสัมพันธ์กับเขาเหล่านั้นอีกด้วย งานนี้ไม่มีอะไรคุ้มค่าเลย บางรายโชคดีหน่อยอาจจะแยกย้ายกันด้วยดี แต่ก็คงมีตะขิดตะขวงใจกันบ้าง มองหน้ากันอย่างคุ้นชินไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ตัวอย่างด้านไม่ดีมีมากมายให้พบเห็น เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจกับเพื่อนหรือแฟน หลายคนจึงคิดว่าไม่เวิร์คแน่ ๆ แต่เหรียญมีสองด้านเสมอ ใช่ว่าจะมีแต่คนที่ล้มเหลว ที่ประสบความสำเร็จมีให้เห็นก็ไม่น้อย อย่างเช่น Airbnb ที่ก่อตั้งโดย สามเพื่อนเกลอ Nathan Blecharczyk, Brian Chesky and Joe Gebbia หรือ Hewlett-Packard ก็เริ่มจากสองเพื่อนซี้ที่จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน Bill Hewlett และ Dave Packard Fun-Fact : Big Tech. Company ชื่อดังระดับโลก ที่เรารู้จัก ไม่ว่าจะเป็น Google, Microsoft และ Apple ต่างก็ไม่ได้เริ่มต้นจากคน ๆ เดียว โดย Google ริเริ่มจาก Sergey Brin และ Larry Page,Microsoft : Bill Gates และ Paul Allen, และ Apple : Steve Wozniak และ Steve Jobs หากคุณเห็นรายชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ แล้วเกิดฮึกเหิมชวนเพื่อนซี้หรือคนรักลงขันทันที นั่นก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเสมอไป หากคิดเพียงว่า เพื่อกันทำด้วยกันเพียงใช้ใจแลกใจ คงจะไมไ่ด้ และหากมีการวางแผนที่ไม่เพียงพอ…

ทุกคนมีเวลาใน 1 วันเท่ากับ 24 ชั่วโมง แต่ว่าชีวิตและหน้าที่ของเรานั้นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ไม่สามารถจัดแจงเวลาของตัวเองได้ ก็อยากจะขอแนะนำวิธี Work Life Balance ที่จะมาช่วยจัดการชีวิตที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ให้กลับมาเป็นระเบียบ และสามารถมีเวลาว่างเพียงพอให้คุณได้ไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ งานอดิเรกอื่น ๆ หรือจะอยู่กับครอบครัวและคนรอบข้างก็ได้เช่นเดียวกัน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนบ้าง.. เลือกใช้ให้เหมาะปรับใช้ให้เเมชกับคุณ ! รวมวิธีเด็ด Work Life Balance ปรับให้เข้ากับสไตล์คุณ ก่อนอื่นต้องบอกว่าการ Work Life Balance ของแต่ละคนจะไม่มีทางเหมือนกัน แต่จะมีวิธีการหรือสูตรสำเร็จที่คล้ายกัน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในแบบที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคุณได้ ซึ่งสูตรที่จะแนะนำต่อไปนี้นับว่าเป็นวิธีที่นิยมที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ และแต่ละสูตรก็มีประสิทธิภาพมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือจำเป็นต้องเริ่มที่การ ปรับ mindset หรือกรอบความคิดของตัวเองให้ได้ก่อน จำไว้ว่า.. มิติของชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่เรื่องงาน แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะถ้าหากปรับ mindset ไม่ได้ ต่อให้สูตรใด ๆ วิเศษแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จอย่างแน่นอน 1. สูตรแบ่งเวลา 8 + 8 + 8 = 24 ชั่วโมง สูตรแรกนับว่าเป็นนาฬิกาชีวิตที่ทุกคนพอจะรู้จักกันอยู่แล้ว นั่นก็คือ นอนหลับเป็นเวลา 8 ชั่วโมง , ทำงาน 8 ชั่วโมง และทำกิจกรรมอื่น ๆ อีก 8 ชั่วโมง วิธีนี้ถือเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดแล้วของการทำ Work Life Balance แต่จะต้องกำหนดเวลาในแต่ละส่วนให้ชัดเจนอย่างดี ไม่มีการผ่อนผันหรือผ่อนปรนใด ๆ…

ปัจจัยนึงที่สำคัญของคนเราไม่แพ้อาหารและยา นั่นคือ “ความรัก” บนพื้นฐานของคนสองคน ความรู้สึกดีต่อกัน ความสุข ชุ่มฉ่ำ เบิกบานใจ ที่มาในรูปแบบความสัมพันธ์ของ “แฟน” หรือ “คู่ชีวิต” แต่ความสุขนั้นไม่ได้ได้มาง่าย ๆ เพราะการจะมาเป็นคนรักกันจริง ๆ จะต้องผ่านเรื่องราวมากมาย ซึ่งมันไม่ได้มีแค่ความสุขเท่านั้น ยังมีความทุกข์ที่สลับไปมาให้ทุกคู่ได้ลิ้มรสสัมผัส บางคู่เมื่อประสบปัญหาก็อาจถอยหนี แต่บางคู่พยายามฟันฝ่าเพื่อรักษาความรักนั้นให้คงอยู่ ด้วยความยึดมั่นในศรัทธาเพื่อหวังเห็นแสงสว่างของอุโมงค์ปลายทาง อย่างไรก็ตามความรักก็ยังคงสวยงามเสมอ.. และในบทความนี้เราจะมาขยายความกันว่า แนวทางเพื่อไปถึงแสงสว่างที่ปลายทางตามแบบฉบับของคนทั่วไปนั้นเขาทำกันอย่างไร เพื่อที่ทุกช่วงวัยของเราจะได้เติมเต็มกันและกัน เริ่มต้นจากป๊อปปี้เลิฟ เข้าสู่รักวัยใส ไปจนก้าวข้ามอุปสรรคและเป็นรักที่มั่นคงตราบสิ้นลมหายใจของกันและกัน หันหน้ามองแฟนของคุณและเริ่มต้นสร้างนิยามของ “ความรัก” ของกันและกัน เชื่อเลยว่าแต่ละคู่ที่ตัดสินใจเป็นแฟนกัน จะมีเหตุผลของการคบหาที่ไม่เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ในทุกคู่ควรจะ “นิยามความรัก” หรือ “นิยามความสัมพันธ์” ของคู่ตัวเองว่าเป็นอย่างไรเสียก่อน คู่ไหนยังไม่เคยคิดเรื่องนึ้ ให้ลองหันหน้าหาคนรักของคุณและพูดคุยกันดู.. เพื่อที่จะได้รู้ว่าอะไรคือ “เป้าหมายของความรัก” ที่คุณทั้งสองจะเดินหน้าไปด้วยกัน เหมือนกับการปักหมุดบนแผนที่เพื่อจะไปถึงจุดหมายปลายทาง.. ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคู่รักมักนิยาความรักไว้ประมาณนี้ หากนิยามหรือเป้าหมายของคุณทั้งสองไม่ตรงกัน ขอให้คุยกันและปรับจูนกันอย่างมีเหตุและผล ไม่เอาแต่ใจ นี่แหละปัญหาแรกที่ความรักมันท้าทายคุณให้ก้าวข้ามก่อนไปเจอแสงสว่างที่ปลายทาง เรียนรู้ “ความรัก” แต่ละช่วงวัย เพื่อสานสัมพันธ์ให้ยั่งยืน ทีนี้เมื่อได้รู้ว่า “นิยามความรัก” ของแต่คู่ของคุณเป็นอย่างไรแล้ว ก็อยากให้ยึดมั่นตรงนั้นไปเรื่อย ๆ จะเป็นการช่วยประคองความรักให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ และถ้าหากอยากจะเปลี่ยนนิยามความรักก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ในเนื้อหาส่วนนี้ก็จะขอพาคุณไปทำความเข้าใจ “ความรักแต่ละช่วงวัย” มีลักษณะอย่างไร และจะเปลี่ยนผ่านไปช่วงต่อไปได้อย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความรักให้ยืนยาว มัธยมฟีลป๊อปปี้เลิฟ ช่วงนี้นับว่าใคร ๆ ต่างก็ต้องมีป็อปปี้เลิฟที่อาจจะแอบชอบใครสักคน โดยพื้นฐานส่วนใหญ่ในช่วงวัยนี้ของการมีแฟนก็จะกรี๊ดกราดกันที่หน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอก หรือหากใครมีความสามารถด้านดนตรีหรือกีฬาและมีโอกาสได้โชว์อ๊อฟที่โรงเรียนแล้วละก็ สิ่งนี้ดึงดูดให้เพศตรงข้ามพร้อมมอบความรักให้ได้ แต่ที่พบบ่อย ๆ ในวัยนี้คือความสัมพันธ์กุ๊กกิ๊กมักเริ่มจากการเป็นเพื่อน แต่อยู่ ๆ ก็ใจเต้นตึกตักคิดกันเกินเพื่อนซะงั้น คบกันได้ไม่นานพอเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยก็มักจะเลิกลากัน…

เมื่อคุณโตขึ้น คุณต้องเผชิญกับการใช้ชีวิตในสังคมขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย หรือแม้ว่าคุณจะเป็นคนอินโทรเวิร์ต ก็น่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพบปะและต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง สิ่งเหล่านั้น.. อาจก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ความสัมพันธ์” และความสัมพันธ์จะเป็นเชื้อไฟเพิ่มความผูกพัน ความสนิทชิดเชื้อ ไปจนเกิดเป็นความรักได้ แต่ความสัมพันธ์ก็ใช่ว่าจะมีโพสิทีฟ คุณคงเคยได้ยินคำว่า “ความสัมพันธ์เป็นพิษ” หรือ toxic relationship มาบ้างใช่ไหม ?.. ความสัมพันธ์แบบท็อกซิกคือหนึ่งในความสัมพันธ์ที่อยู่ในรูปแบบเนกาทีฟ แต่ยังไม่ถึงกับพังทลาย เปรียบเหมือนพิษในร่างกายที่จะค่อย ๆ กัดกินจนสิ่งมีชีวิตจะสูญสลาย ความสัมพันธ์แบบท็อกซิกนี้ ถ้าคุณเจอกับตัวเองและรู้ตัวได้เร็วก็ควรรีบปลีกตัวถอยห่างให้ไว ก่อนพิษร้ายจะทำลาย แต่ถ้าหากไม่รู้ตัวว่าอยู่ในขั้นท็อกซิกหรือยัง ลองอ่านข้อสรุปต่อไปนี้ที่เราย่อยมาให้อ่านง่าย ๆ เพื่อให้คุณสำรวจว่าความสัมพันธ์ที่คุณมีอยู่กับคนรอบข้างตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ถ้ามันติดพิษจะได้รักษาทัน ทำความเข้าใจ toxic relationship ความเป็นพิษที่ควรถอย คำว่า toxic relationship สรุปใจความสั้น ๆ ได้ว่าความสัมพันธ์เป็นพิษดังที่กล่าวไปแล้ว ง่าย ๆ คือ.. คุณจะรู้สึกว่าอยู่กับคน ๆ นี้แล้วไม่มีความสุข อยู่แล้วไม่มีความสบายใจ อยู่แล้วไม่ได้เป็นตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทุกคนสามารถเจอได้บ่อยครั้ง แต่ก็จะมีบางรูปแบบที่ควรจะถอยให้ห่างให้ไว หรือเลิกคบไปได้เลยก็ได้ยิ่งดี โดยคนลักษณะท็อกซิกที่คุณควรรู้นั้นมีดังต่อไปนี้ 1. คนที่ทำร้ายร่างกายและทำร้ายจิตใจ ในความสัมพันธ์การทำร้ายฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าจะด้วยร่างกายหรือทำร้ายด้วยจิตใจ นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง และไม่ควรอยู่ในทุก ๆ ความสัมพันธ์ เพราะจะเป็นการบั่นทอนพลังงาน บั่นทอนความเป็นตัวตนของคุณ อีกทั้งยังสามารถสร้างความทรงจำที่เป็นปมและอาจส่งผลต่ออนาคตได้ ถ้าหากคุณเจอคนลักษณะนี้ต้องรีบเลิกคบด่วน หรือรีบหนีไปให้ไกลได้ก็ยิ่งดี เพราะตัวตนของคุณจะสามารถเปลี่ยนไปจากการโดนสิ่งเหล่านี้ได้ 2. คนที่ใช้อำนาจอยู่เหนือกว่าคนอื่น ในความสัมพันธ์ที่มีการใช้อำนาจที่เหนือกว่า จะทำให้ผู้ที่อยู่ด้วยต้องเกรงกลัว และมันจะลดทอนคุณค่าของตัวคุณเองไปอย่างมาก เพราะคุณคงต้องยอมทุกเรื่องเพื่อให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัย แต่ความจริงแล้วการที่ต้องทำตามผู้ที่มีอำนาจนับว่าเป็นความสัมพันธ์ toxic ที่สามารถพบได้บ่อยในคู่รักเป็นอย่างมาก ถ้าหากอยู่ไปแล้วไม่มีความสุข ไม่มีคุณค่า แนะนำว่าให้รีบถอยออกมาจะเป็นการดีที่สุด ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนในข้อนี้และยังขาดความมั่นใจในการที่จะถอยออกมา แนะนำว่าให้ลองมาสำรวจความรู้สึกและค้นหาคุณค่าของตัวเองดูก็จะถอยได้ง่ายขึ้น…

สวัสดีปีใหม่ ปีที่ใครหลายคนตั้งเป้าว่าต้องเป็นปีแห่งการหันมาใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น และหากคุณเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น เมื่อดูแลสุขภาพกายแล้ว ต้องห้ามพลาดที่จะหันมาดูแลสุขภาพใจด้วย ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมานี้จะเห็นได้ว่าคนในสังคมทั้งวัยรุ่นและวัยทำงานเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับ “Mental Health” กันมากยิ่งขึ้น หรือให้ความสำคัญต่อการหมั่นสังเกตสุขภาพจิตของตนเองเป็นระยะ ๆ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้คนในสังคมทุกกลุ่มได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนอกเหนืออาการบาดเจ็บทางกายภายนอกที่เราสังเกตได้ด้วยตาเปล่า เพราะหากเราพบว่าสุขภาพจิตของเราต้องการการดูแลรักษา นั่นก็ไม่ต่างจากการบาดเจ็บเป็นแผลที่สุขภาพกาย แต่กลับกันที่นี่คือแผลที่จิตใจ อยู่ภายใน ซึ่งมีเพียงผู้ป่วยเท่านั้นที่จะสังเกตตัวเองได้ และเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในระยะยาวอย่างคาดไม่ถึง อย่างที่ว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” เมื่อจิตใจหดหู่ห่อเหี่ยว ก็จะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่แสดงออกแบบแปลกแยก เช่น มีความเครียดความกดดันมากกว่าปกติจนไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเอง มีความคิดทำร้ายร่างกายตัวเองหรือคนรอบข้าง เป็นต้น มาสังเกตสุขภาพใจกัน แบบไหนต้องพบจิตแพทย์ หากเราเริ่มสังเกตสุขภาพจิตหรือ Mental Health ของเรา แล้วพบว่าตัวเองมีพฤติกรรม 7 รูปแบบนี้ ก็เป็นสัญญาณเตือนให้คุณต้องหันกลับมาใส่ใจสุขภาพจิตใจของตัวเองให้มากกว่าปกติ หรือพบนักบำบัด นักจิตวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรับการช่วยเหลือ หรือเพื่อความชัวร์แนะนำว่าให้พบกับจิตแพทย์ก่อนก็ได้เหมือนกัน ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่า 7 พฤติกรรมที่เป็นสัญญาณเตือนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. รู้สึกว่าอารมณ์แปรปรวน ดีได้ชั่วครู่ก็กลับมาหดหู่แบบไร้สาเหตุ สังเกตสุขภาพจิตในเรื่องของอารมณ์และรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเรารู้ตัวว่ากำลังรู้สึกมีความสุข โกรธ ผิดหวัง เศร้า หรือเสียใจ โดยเข้าใจว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกเหล่านี้คืออะไรก็เท่ากับว่าเราสามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกตัวเองได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ตามอารมณ์ตัวเองไม่ทัน ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเศร้า หดหู่ ท้อแท้หรือวิตกกังวล อาจเป็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับสภาวะทางจิตที่ไม่มั่นคงได้ ถ้าหากเป็นแล้วหาสาเหตุไม่เจอบ่อยๆ แนะนำว่าพบแพทย์จะเป็นการดีที่สุด 2. มีทัศนคติด้านลบในการใช้ชีวิต บนโลกนี้มีทั้งเรื่องดีและร้ายสลับกันไป ไม่มีใครที่มีความสุขทุกวันเช่นกันกับความทุกข์ที่จะอยู่กับเราแล้วก็ผ่านไป แต่ถ้าหากใครมีความรู้สึกว่าโลกนี้มีแต่ความทุกข์และน่าเสียใจ มองไม่เห็นแสงสว่างที่จะเข้ามาในชีวิตได้อีกต่อไป ขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งสภาวะที่บ่งบอกได้ว่าสุขภาพจิตของคุณต้องการได้รับการดูแลที่มากขึ้นกว่าปกติแล้วในตอนนี้ โดยสังเกตได้เลยว่าหากเป็นต่อเนื่อง 2 สัปดาห์จำเป็นที่จะต้องพบจิตแพทย์โดยเร็ว 3. มีความคิดทำร้ายตัวเอง คนที่รักตัวเองและมีความนับถือตัวเองมากพอจะไม่มีความรู้สึกอยากทำร้ายตัวเองหรือทำให้ตัวเองเจ็บปวด เมื่อใดก็ตามที่มีความคิดทำร้ายตัวเอง อยากทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บเพราะคิดว่าเป็นวิธีในการระบายอารมณ์ ระบายความเครียด นั้นถือเป็นพฤติกรรมอันตราย ถึงแม้จะเป็นอารมณ์ชั่ววูบแต่ก็เป็นสัญญาณเตือนสำคัญว่าตัวคุณกำลังตกอยู่ในสภาวะ Low…