*Trendy Now

ชั่วโมงนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความร้อนแรงของ House of the Dragon ซีรีส์ยอดนิยมส่งท้ายปี ดีไม่แพ้ซีรีส์ในสตอรี่ไลน์เดียวกันอย่าง Game of Thrones และเชื่อไหมว่า.. เพียงแค่ซีซันที่หนึ่งก็สามารถโกยสกอร์จากบ้าน imdb ไปถึง 8.6/10 และจาก Rotten Tomatoes 86% หากคุณเป็นคนนึงที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้ว จะเห็นว่าตัวละครใน House of the Dragon มีความโดดเด่นและบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของตัวละครนึงมักพาคุณไปเจอประเด็นต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้น ซับซ้อนแต่ก็สอดประสานกันได้อย่างสนุก…

*รักโลก รักสุขภาพ

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย…

ถอดบทเรียน “ธุรกิจเจ๊ง” เช็คความเสี่ยงว่าธุรกิจคุณเข้าขั้นวิกฤตแล้วหรือยัง ? ปกติแล้วบทความส่วนใหญ่จะให้หนทางทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ พร้อมแนะนำเคล็ดลับต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าหากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจหรือทำธุรกิจแล้วกำลังประสบกับความเสี่ยงในการทำให้ ธุรกิจเจ๊ง…

สิ่งที่เรียกว่า ‘ธุรกิจ’ ในสายตาของคุณนั้นคืออะไร ?.. หากย้อนกลับไปสิบถึงยี่สิบปีก่อน การมีแบรนด์คงไม่ใช่สิ่งสลักสำคัญอะไรมากมายสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง พ่อค้าแม่ขายตลาดนัด คุณป้าร้านขายของชำ ไปจนถึงอาเฮียร้านห้องแถวขายอุปกรณ์ก่อสร้าง พวกเขาก็ยังสามารถทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ…

วิธีคิดหาไอเดียสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ บนแพลตฟอร์มโซเชีลมีเดียที่ unique เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร ถือเป็นสกิลที่สำคัญมากของนักการตลาดสมัยใหม่ในการทำ Content Marketing เพราะหากมีคอนเทนต์ที่ดี…

โลกธุรกิจยุคดิจิทัลทุกวันนี้.. การแข่งขันสูง ต้องแข่งกับเวลา วิธีบริหารแบบเดิมที่เน้นวางแผนกลยุทธ์ให้แน่นอนก่อนแล้วค่อยลงมือทำ ถือว่าช้าเกินไปและใช้ไม่ได้ผลดีกับยุคนี้แล้ว ซึ่งปัญหานี้ก่อให้เกิดโซลูชันการบริหารแบบใหม่ คือ “การบริหารด้วย Business Model…

เชื่อว่าหากคุณได้ยินคำว่า Personalized marketing แล้วคงรู้สึกงุนงง นึกภาพไม่ออกว่ามันคืออะไร.. ขอให้คุณลองนึกถึงตอนคุณไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตครั้งล่าสุด บรรยากาศร้านค้าที่สะอาดสบายตา คุณภาพสินค้าที่ดี แพคเกจจิ้งน่าหยิบใช้ มีให้เลือกหลายหลาย…

Business knowledge 77%
Technology 71%
Self development 90%
Potential improvement 86%

Athena new release

ถอดบทเรียน “ธุรกิจเจ๊ง” เช็คความเสี่ยงว่าธุรกิจคุณเข้าขั้นวิกฤตแล้วหรือยัง ? ปกติแล้วบทความส่วนใหญ่จะให้หนทางทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ พร้อมแนะนำเคล็ดลับต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าหากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจหรือทำธุรกิจแล้วกำลังประสบกับความเสี่ยงในการทำให้ ธุรกิจเจ๊ง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? Convincing จิตวิทยาและวาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจ “เคล็ดลับ! การโน้มน้าวใจคนให้สำเร็จ ด้วยเทคนิคเชิงจิตวิทยาและศิลปะการพูด”หลักการและเหตุผลการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันหลากหลายองค์กรต่างเห็นความสำคัญถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์”บุคลากร”ทางด้านทัศนคติกระบวนการความคิดให้เกิดความสุขในการทำงาน องค์กรจึงต้องนำศาสตร์และศิลป์ทางจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในการวางแผน บริหารจัดการ การจูงใจ การเจรจาต่อรอง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? หลักสูตร Generative AI for Productivity เรียนออนไลน์ผ่าน Zoom Meeting…

เปิดรับสมัครแล้ว คอร์สเรียนออนไลน์ “ก้าวแรกสู่ การพูดในที่สาธารณะ” คอร์สเรียนทักษะการพูดในที่สาธารณะที่โฟกัสตรงจุด ทำให้คุณพัฒนาทักษะการพูดเป็นเร็วขึ้น SPEAK SPARK ได้กลั่นกรอง “ศาสตร์และศิลป์”…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลงานขององค์กรเพื่อให้ได้งานเชิงพัฒนามากขึ้น หลายองค์กรได้เลือกทำการปรับปรุงแนวทางการกำหนดตัวชี้วัดผลงานเช่น KPIs โดยเปลี่ยนไปเป็นการตั้งเป้าหมายในเชิงพัฒนา รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดผลงานแบบที่มุ่งเหตุที่ทำให้เกิดผล และผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการ มากกว่าที่จะตั้งตัวชี้วัดผลงานแบบงานประจำ และตัวชี้วัดผลงานที่มุ่งวัดผลเบื้องต้นเท่านั้น…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? ทําความรู้จักกับไคเซ็น (KAIZEN) เครื่องมือที่ช่วยในการทําไคเซ็นในสํานักงาน หมวดหมู่ งานบุคคล HR การทำงาน…

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย ตลอดจนการลงทุนาสร้างโปรเจคอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไร และแน่นอนว่ามันคีพคูลเข้ากับเทรนด์ Eco Friendly ในเจเนอเรชั่นนี้มาก…

ในโลกที่การสื่อสารไร้ขีดจำกัด องค์กรหรือบริษัทชื่อดัง ต่างให้ความสำคัญกับการสื่อสารมากขึ้น เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมาย วันนี้เรามี แอพคุยงาน อัพเดตใหม่มาแนะนำ พบกับ 8 แอพพลิเคชันคุยงาน ที่มีฟีเจอร์สุดล้ำมากมาย สามารถใช้พูดคุยสื่อสาร ส่งไฟล์ หรือติดต่อประสานงานกับคนภายในหรือนอกองค์กรได้ ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ แยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวได้อย่างสมดุล จะมีแอพอะไรบ้างนั้น ไปติดตามชมพร้อม ๆ กัน รวมข้อดี – ข้อเสีย 8 แอพคุยงาน เลือกใช้ได้ตามแต่ละองค์กร 1. Slack แอพคุยงาน Slack เหมาะกับการใช้งานในองค์กรหรือออฟฟิศที่เน้นการแชทแบบห้องสนทนา เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน หรือส่งไฟล์หากัน และค้นหาบทสนทนาเก่า ๆ ได้ ภายในแอพ Slack มีฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมาย ช่วยจัดระเบียบข้อความในแชทแบบไม่กินพื้นที่ แอพนี้ถ้าคุยกันให้ลึกขึ้นอีก คือสามารถไปถึงขั้น Enterprise ได้เลย คือมี bot หรือ plugin ต่าง ๆ มากมายในการเปิด Workflow หรือ Ticket เพื่อทำ Channel Inquiry มี Bot Translate มากไปกว่านั้น Slack ยังมี Third Party มากมายที่สามารถนำมา Plug-in กันได้ หรือเจ้า Slack นี่เองก็มีตัว Adapter ให้เชื่อมต่อกับแอพอื่น ๆ เพื่อการทำงานที่ไร้รอยต่อได้เช่นกัน ข้อดี ข้อเสีย 2. Workplace มาต่อกันที่แอพ Workplace อีกหนึ่งแอพพลิเคชันที่เน้นใช้งานในองค์กร แอพนี้ถูกพัฒนาโดย Meta หรือ Facebook ซึ่งมีการปรับใช้เหมาะกับการทำงานในองค์กร ภายในมีฟีเจอร์คล้ายคลึงกับ Facebook แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ แอพ Workplace จะแบ่งออกเป็นส่วน 2 คือ ส่วนหน้าฟีด และส่วนแชทที่จัดทำเป็นแอพโดยเฉพาะ ข้อดี ข้อเสีย 3.…

หลายครั้งพฤติกรรมบางอย่างที่แสดงออกมา เราก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนั้น จนทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง หรือแม้แต่ตัวเองก็ไม่พอใจที่แสดงพฤติกรรมเหล่านั้นออกมา แต่ทุกอย่างสามารถแก้ได้ เพียงแค่เรา “เข้าใจตัวเอง” ให้มากยิ่งขึ้น แต่การจะเข้าใจได้นั้น ก็ต้องมีหลักการหรือทฤษฎีมารองรับเสียหน่อย เพื่อการพัฒนาที่ดีและตรงจุด เราขอแนะนำให้รู้จักกับ Satir Model แนวคิดทางด้านจิตวิทยาเพื่อ บำบัดจิต ที่วงการจิตแพทย์ทั่วโลกต่างก็ใช้กันอย่างแพร่หลาย เริ่มต้นเข้าใจตัวเอง ด้วย ซาเทียร์โมเดล บำบัดจิต ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับแนวคิดของ Satir Model กันก่อน โดยแนวคิดนี้คิดโดย เวอร์จิเนีย ซาเทียร์ แพทย์บำบัดครอบครัว ที่ได้นำเรื่องของจิตใจมนุษย์มาเปรียบเทียบเป็นภูเขาน้ำแข็ง ที่ปกติจะมียอดน้ำแข็งโผล่พ้นน้ำ ในขณะที่ภูเขาน้ำแข็งส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ก้นบึ้งของมหาสมุทร โดยสามารถแบ่งชั้น ๆ ได้ดังนี้ 1. พฤติกรรมที่แสดงออกมา (Behavior) สิ่งที่เห็นได้ชัดหรือเห็นได้ด้วยตาเปล่า นั่นก็คือพฤติกรรมที่สามารถแสดงออกได้ผ่านทางคำพูด น้ำเสียง อากัปกริยา หรือการแสดงออกต่าง ๆ ที่อาจตอบสนองกับตัวเอง หรือต้องการจะสื่อสารกับผู้อื่น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับความรู้สึก ตัวอย่างเช่น ลูกกลับบ้านช้า ไม่เป็นไปตามที่ตกลง พ่อแม่เลยตีลูก ซาเทียร์จัดให้ส่วนนี้เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งที่พ้นน้ำ 2. ความรู้สึก (Feelings) ความรู้สึก นับว่าเป็นสิ่งที่เรารู้สึกอยู่ภายในและเลือกที่จะแสดงออกมาให้เห็น เช่น ดีใจ เสียใจ เศร้า หดหู่ สิ้นหวัง ท้อแท้ เหนื่อย กลัว และอื่น ๆ ที่สามารถระบุได้ว่าเป็นความรู้สึก ตัวอย่างเช่น พ่อแม่โกรธลูกที่กลับบ้านช้าสุด ๆ แต่ความรู้สึกของมนุษย์ ไม่ได้มีเพียงแค่ “ความรู้สึก” ที่แสดงออกมาเท่านั้น เพราะความรู้สึกของมนุษย์มีความซับซ้อนขึ้นไปอีกว่า ความรู้สึกที่ได้เกิดขึ้น แท้จริงแล้วในใจลึก ๆ…

ไม่มีใครทำอะไรแบบเดิม แล้วได้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไป การ “คิดบวก” หรือพยายามเปลี่ยนแปลงความคิดไปในเชิงบวก เป็นองค์ประกอบของการรักตัวเอง เพื่อให้คุณกลายเป็นคนที่ดีและมีความสุขกว่าเมื่อวาน หากในทุกวันนี้.. คุณเป็นคนนึงที่คิดอะไรติดขัด สมองไม่แล่น เจรจาไม่คืบหน้า ความสัมพันธ์ดำดิ่ง ไม่เป็นตามความคาดหวัง และสวนทางกับแรงพยายามที่ทุ่มเทลงไป ลองปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิด คิดบวกให้มากขึ้น เปิดรับความรู้หลายแขนง ยอมรับการเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากที่จะลองรับข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณา และนี่เป็นข้อมูลสาระเพื่อเปิดมุมมองใหม่ ๆ นำมาแบ่งปันสำหรับคนที่อยากไปดาวอังคารโดยไม่ต้องรอขึ้นยานของ Space X เรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองไปพร้อมกัน ที่บางส่วนเรียบเรียงมาทั้งหมด 10 อย่าง จากหนังสือ Good Vibes, Good Life ของ เว็กซ์ คิงส์ คุณไม่จำเป็นต้องทำให้ได้ทั้งหมด ลองอ่านและเลือกทำจากสิ่งที่ง่ายที่สุดเป็นลำดับแรกก่อน ขอบคุณให้เก่ง เริ่มต้นด้วยการกระทำง่าย ๆ แต่มีอิมแพ็คสูง เพราะการรู้สึกขอบคุณนั้นทำได้ง่ายและทันที ไม่มีใครรู้สึกแย่ ในขณะที่รู้สึกขอบคุณ การรับรู้เรื่องดี ๆ ในแต่ละวันและรู้สึกขอบคุณกับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตจะทำให้คุณเห็นแสงสว่าง และมองสิ่งรอบข้างในแง่ดีได้อย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะบ่นว่าอ้วน.. ลองนึกดูว่าบางคนยังไม่มีแม้อาหารให้กิน ก่อนจะบ่นเรื่องงาน.. บางคนอาจไม่มีแม้กระทั้งเงิน ก่อนจะบ่นเรืองทำความสะอาดบ้าน.. ตระหนักให้ดีว่าบางคนไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่อาศัย อยู่กับคน “คิดบวก” วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าพลังงานถ่ายทอดกันได้ ดังนั้นการอยู่ท่ามกลางคนคิดบวกคือคีย์เวิร์ดสำคัญ เอาตัวเองไปอยู่รอบ ๆ คนที่รู้สึกดีกว่าคุณ ให้พลังบวกของพวกเขาซึมซับไปที่คุณ เวลารู้สึกไม่ค่อยดี พยายามอยู่ใกล้คนที่รู้สึกดีไว้ คนร่าเริง คนที่เราไว้ใจ คุณจะดูดซับพลังงานบางส่วนจากพวกเขาได้ ทำตัวคุณให้เหมือนสาหร่ายสีเขียวที่คอยดูดซับพลังงานจากพืชชนิดอื่น พวกเขาเหล่านั้น กลุ่มคนคิดบวกมักให้มุมมองเกี่ยวกับปัญหาของเราได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากเขามีอารมณ์เป็นบวก จึงมีแนวโน้มที่จะมีวิสัยทัศน์เชิงบวกต่อสิ่งที่เรากำลังเผชิญ โดยจะพยายามมองหาข้อดีของปัญหานั้น ๆ และให้เรายกระดับความรู้สึกหันไปจดจ่อกับสิ่งอื่นที่ช่วยยกระดับความรู้สึกมากกว่า ดังนั้นขอให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืนกับคนคิดบวกไว้เสมอ…

ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียและ AI มีบทบาทสำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงสังคมและความสัมพันธ์ระดับ “ครอบครัว” อย่างชัดเจนและเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นคุณอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวเลยก็ได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ “สังคมก้มหน้า” วลีฮิตในยุคโซเชียล ที่ไว้ล้อเลียนใครบางคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ มีความสุขกับการปฏิสัมพันธ์กับสังคมในโซเชียลมีเดีย ที่ AI คอยเสิร์ฟคอนเทนต์ที่คุณสนใจมาให้เรื่อย ๆ จนลืมจะสานสัมพันธ์กับคนในครอบครัว หรืออีกตัวอย่างคือการที่คุณตัดสินใจซื้อสินค้า ทั้งที่คนใกล้ตัวคุณเตือนแล้วว่ามันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แต่คุณก็อดใจไม่ไหวเพราะ AI คอยฟีดสิ่งของที่คุณอยากได้ขึ้นมาให้เห็นทุกวัน จนคุณคลิกลงตระกร้าสินค้า รูดบัตรจ่ายเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที และที่ชัดเจนที่สุดในทุกวันนี้ ก็คือ AI หรือ ChatBot ที่เริ่มสนทนากับคนได้อย่างจริงจังเปรียบดั่งที่ปรึกษาชั้นยอด.. และนี่แหละ ! จึงเห็นได้ว่าเทคโนโลยีเป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้วัดระดับความสัมพันธ์ในครอบครัว นำมาซึ่งข้อคิดสำคัญที่ควรตระหนักนั่นคือ โซเชียลมีเดียและ AI รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะเปลี่ยนชีวิตหรือความสัมพันธ์ในครอบครัวให้เป็นไปในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ ดังนั้นนี่คือประเด็นที่น่าสนใจมากที่เราจะมาหารือกันวันนี้ เชื่อมต่อ / ความสัมพันธ์ / ครอบครัว สะดวกง่ายและรวดเร็ว คีย์หลักของโซเชียลมีเดียหรือ AI คือเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ ในทางใดก็ทางหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสาร ที่ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่านี่คือเครื่องมือที่เป็นหัวใจหลักที่ทำให้คนเราใกล้กันมากขึ้น.. ใช่แล้ว ! แน่นอนว่ามันช่วยคุณเพิ่มความสัมพันธ์ครอบครัวให้แน่นแฟ้นขึ้นได้ ง่าย สะดวก และรวดเร็วสุด ๆ สามารถใช้ได้ทั้งทางใกล้และทางไกลไปทั่วโลก แถมเห็นหน้ากันผ่านวีดีโอคอลที่คมชัดอีกต่างหาก ซึ่งถ้าเทียบกับในอดีต คุณจะไม่มีทางติดต่อกันได้รวดเร็วทันใจเท่ากับในปัจจุบัน และเชื่อว่าในอนาคต เทคโนโลยีการสื่อสารจะผนวกพลังเข้ากับ AI มากขึ้นกว่าปัจจุบัน และจะมีการเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารให้มีมิติมากกว่านี้อย่างแน่นอน ข้อดีและทิศทางการใช้โซเชียลมีเดียและ AI สร้างสัมพันธ์ ข้อเสียของการใช้โซเชียลมีเดียและ AI สร้างสัมพันธ์ วิธีใช้โซเชียลมีเดียหรือ AI สร้าง ความสัมพันธ์ครอบครัว ใช้ในการบอกกล่าวเพื่ออัพเดท เวลาที่จะออกไปข้างนอกหรือไปไหนก็ตาม รวมทั้งการทำอะไรอยู่ สามารถอัพเดทได้แบบรวดเร็วทันใจเพียงแค่ใช้แอปพลิเคชันในการสื่อสาร…

Life insurance has several benefits, but it’s not right for everyone. เราทุกคนต่างรู้ดีว่า ประกันชีวิต เป็นต้นทุนคงที่ที่กินสัดส่วนค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวค่อนข้างมาก เผลอ ๆ เป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่รองลงมาจากการซื้อบ้าน ที่ดิน เลยก็ว่าได้ ยกตัวอย่าง หากเราจ่ายค่าเบี้ยประกันประมาณปีละ 3 หมื่นบาท หากจ่ายติดต่อกัน 30 ปี รวมเท่ากับ 9 แสนบาท ถ้าบางเเพคเกจปีละ 4 หมื่นบาทบวก ๆ จ่ายตลอด 30 ปี ยอดรวมก็ทะลุล้านไปแล้ว ประกันบางแห่งชอบทำแผนค่าใช้จ่ายมาให้เห็นภาพว่ามีจำนวนเล็กน้อยเมื่อเฉลี่ยเป็นรายเดือน แต่หากรวมเบี้ยประกันที่จ่ายไปทั้งหมดกลับพอกพูดในชั่วพริบตา ซื้อเพื่อเก็บออม ไม่ใช่ซื้อไว้ก่อน มีคนจำนวนมากไม่รู้ว่าหากลงทะเบียนในระบบเงินบำนาญแห่งชาติหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินบำนาญพื้นฐานหรือเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพ และบางคนก็ไม่ทราบว่าประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาพยาบาลขั้นสูงซึ่งมีราคาแพงเกือบทั้งหมด สิ่งสำคัญประการแรกคือ ต้องขยันรวบรวมข้อมูล นอกจากนี้ให้คิดพิจารณาว่า “จำนวนเงินเอาประกันภัยที่จำเป็นจริง ๆ คือเท่าไหร่” “ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยเท่าไหร่และเมื่อใด” เพราะหลักการของเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงคิดว่า “แค่ประกัน ซื้อไปแล้วกัน” แต่ต้องคิดว่า “เก็บเงินก่อนแล้วค่อยซื้อประกันเสริมในส่วนที่ครอบคลุมไม่หมด” คงจะดีกว่า… ประกันชีวิตอาจไม่ต่างจากการพนัน ทำไมกล่าวเช่นนั้น ! ประกันชีวิต เหมือนการพนันอย่างนั่นหรือ !? ประกันชีวิต คือการจ่ายเบี้ยประกันในจำนวนที่ต้องการในช่วงเวลาที่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับคุณ แล้วคนอื่นจะลำบาก คำถามคือแล้วช่วงเวลานั้น มันคือตอนไหน ? สำหรับคนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่าคือช่วงที่ลูกยังเด็กทำให้คู่สมรสไม่สามารถหาเวลาไปทำงานหาเงินได้มากนัก หรือกินเวลาประมาณ 20 ปี จนกว่าบุตรของคุณจะบรรลุนิติภาวะ ยืนได้ด้วยลำแข้งตนเอง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า หากคุณเป็นคนโสดก็แทบจะไม่มีความจำเป็นต้องทำประกันชีวิต เพราะไม่มีคนข้างหลังคุณที่จะต้องเดือดร้อนหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน หรือนอกจากนี้ในกรณีที่คู่สมรสก็ทำงาน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำประกันชีวิตถึงขนาดนั้นเช่นกัน…