ดูแลตัวเอง ใส่ใจสุขภาพ

ไม่มีใครทำอะไรแบบเดิม แล้วได้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไป การ “คิดบวก” หรือพยายามเปลี่ยนแปลงความคิดไปในเชิงบวก เป็นองค์ประกอบของการรักตัวเอง เพื่อให้คุณกลายเป็นคนที่ดีและมีความสุขกว่าเมื่อวาน หากในทุกวันนี้.. คุณเป็นคนนึงที่คิดอะไรติดขัด สมองไม่แล่น เจรจาไม่คืบหน้า ความสัมพันธ์ดำดิ่ง ไม่เป็นตามความคาดหวัง และสวนทางกับแรงพยายามที่ทุ่มเทลงไป ลองปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิด…

“ดีแต่ป้อ ล่อไม่เป็น” สำนวนแสบ ๆ คัน ๆ ฟังแล้วคันหู เป็นสำนวนที่ช่างเหมาะสมเหลือเกินกับกลยุทธ์สำคัญกลยุทธ์นึงในการขาย ที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ทำหน้าที่ พนักงานขาย…

อ่านหัวข้อแล้ว ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า เราไม่ได้จะบอกว่าการหาลูกค้าใหม่เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นหรือกลยุทธ์การลดราคาเป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้ แต่อยากให้ลองคิดว่า หากลูกค้าที่ได้มามีแต่ลูกค้าครั้งเดียว (one-time customer) คุณก็คงต้องลดราคาอยู่เรื่อยไป จนกระทั้งนั่นกลายเป็น “ราคาปกติ”…

เคยสงสัยกันไหมว่า.. ทำไมรถเข็นไอศกรีมถึงใช้เสียงกระดิ่งดังกรุ่งกริ่งทุกครั้งเมื่อต้องตามบ้านใครต่อใครในยามเย็น และเคยรู้สึกประหลาดใจบ้างไหมว่าทำไมเสียงเพลงในร้านอาหารหรือคาเฟ่ถึงมีอำนาจดึงดูดให้ลูกค้านั่งอยู่กับที่แม้จะกินอาหารเสร็จแล้วก็ตาม คนออกกำลังกายในฟิตเนสเสมือนถูกแรงกระตุ้นจากเสียงเพลงเร้าใจให้มีพลัง หรือหากคุณเป็นหนึ่งในหลายแสนล้านคนบนโลกที่พรั้งเผลอด่วนซื้อของโดยไม่สนราคาแสนแพงของสินค้าชิ้นนั้น บางทีคุณอาจตกอยู่ภายใต้อำนาจสะกดของเสียงเพลงเสียแล้ว Music Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่หลายธุรกิจหยิบใช้แล้วได้ผลมานาน กระทั่งโซเชียลมีเดียเข้ามาในชีวิตเราแบบเต็มตัว…

วิธีคิดหาไอเดียสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ บนแพลตฟอร์มโซเชีลมีเดียที่ unique เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร ถือเป็นสกิลที่สำคัญมากของนักการตลาดสมัยใหม่ในการทำ Content Marketing เพราะหากมีคอนเทนต์ที่ดี…

เชื่อว่าหากคุณได้ยินคำว่า Personalized marketing แล้วคงรู้สึกงุนงง นึกภาพไม่ออกว่ามันคืออะไร.. ขอให้คุณลองนึกถึงตอนคุณไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตครั้งล่าสุด บรรยากาศร้านค้าที่สะอาดสบายตา คุณภาพสินค้าที่ดี แพคเกจจิ้งน่าหยิบใช้ มีให้เลือกหลายหลาย…

Business knowledge 84%
Technology 71%
Self development 79%
Potential improvement 60%

Athena new release

“Good health is true wealth” สุขภาพดีคือความมั่งคั่งที่แท้จริง buzzword คุ้นหูนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด เมื่อเราทุกคนต่างรู้ดีว่าโลกของเราในทุกวันนี้ได้รับผลร้ายทั้งทางตรงและทางอ้อมจากอุตสาหกรรม ภาวะเรือนกระจก…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? สัมมนาฟรี แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2024 กับการปรับกลยุทธ์ของนักธุรกิจไทย Strategic Center ขอเชิญเข้าร่วมงาน สัมมนาธุรกิจ…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การแข่งขันทางธุรกิจที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในยุคแห่งความรวดเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Age) การบริหารเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จดูเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้นทุกขณะ โดยผู้บริหารต้องเห็น 3C กล่าวคือ Change…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? ชมรมบริหารงานบุคคลไทยเอชอาร์ออนไลน์ จัดงานประชุมสัมมนาประจำเดือน ตุลาคม 2566 ในหัวข้อ “การประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปี” เพื่อแชร์ความรู้ด้าน การประเมินผลงาน…

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย ตลอดจนการลงทุนาสร้างโปรเจคอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไร และแน่นอนว่ามันคีพคูลเข้ากับเทรนด์ Eco Friendly ในเจเนอเรชั่นนี้มาก…

เอาใจคนชอบอยู่คนเดียว.. ด้วย 10 เทรนด์ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ กิจกรรมสุดฮิตสุด Hype ของคน introvert คนที่ชอบอยู่กับตัวเองมากกว่าอยู่กับคนอื่น น่าจะถูกใจชาวสันโดษที่อยากหากิจกรรมคลายเครียด เติมสีสันให้ชีวิต มารวมกันตรงนี้ได้เลย !.. วันนี้เรามีกิจกรรมดี ๆ มาแนะนำ จะมีอะไรที่มาแรงกันบ้างนั้นตามไปดูกันเลย 10 กิจกรรมของคน introvert รับรองถูกใจ 1. ทำความสะอาด หรือจัดบ้านให้เรียบร้อย สภาพแวดล้อมมีผลกับการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก พอเข้าสู่วัยทำงานเรามักจะมองหาความสุขที่เป็นภาพใหญ่ จนมองข้ามความสุขที่เรียบง่าย อย่างเช่นเรื่องการจัดบ้านให้สะอาดน่าอยู่ ที่จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เป็นการสร้างความสุขเล็ก ๆ ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังส่งผลต่อการจัดลำดับความคิดได้อีกด้วย เพราะร่างกายมนุษย์จะดูดซับสิ่งที่เห็นบ่อย ๆ และตอบสนองด้วยการกระทำสิ่งที่สอดคล้องกับบรรยากาศรอบตัว จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบ้านที่ดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย จะทำให้เรามีความคิดที่ฟุ้งซ่านตามมา ที่สำคัญการจัดบ้านจะทำให้รู้สึกภูมิใจและขอบคุณตัวเองได้ทุกวัน 2. ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ อย่างที่เราทราบกันดีว่าชาว introvert ชอบอยู่กับตัวเอง มากกว่าออกไปพบปะผู้คนเยอะ ๆ ดังนั้น กิจกรรมอย่างการออกกำลังกายก็เป็นกิจกรรมที่ช่วยลดความเบื่อหน่ายได้ดี นอกจากนี้การออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายหลั่งสารความสุขบางอย่างออกมา จึงทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจอีกด้วย อีกทั้งในปัจจุบันยังมีอุปกรณ์ออกกำลังกายมากมายที่สามารถหาเวลาว่างของวันเริ่มต้นง่าย ๆ จากที่บ้านได้เลย เคล็ดลับสำคัญคือตั้งเป้าหมาย กำหนดมิชชั่นให้กับการออกกำลังกายนั้น ๆ เสมือนการเล่นเกมอย่างนึง แค่นี้ก็ฟินได้คนเดียวไม่ต้องแคร์ใคร 3. ฟังเพลงที่ชอบ ดูหนังหรือซีรีส์เรื่องโปรด เวลาเครียดหรือกังวลเรื่องงาน การอยู่กับตัวเองได้ดีอย่างมีคุณภาพอย่างนึงเลยก็คือการเสพสื่อมีเดียที่สามารถเอนเตอร์เทนจิตใจคุณได้ดีกว่าสิ่งใด การฟังเพลงในสไตล์ที่คุณโปรดปราน หรือการดูซีรีส์-หนังเรื่องโปรด เป็นการผ่อนคลายความเครียดให้กับสมองได้ อย่างน้อย ๆ กล้ามเนื้อสมองคุณก็รัดเกร็งน้อยลงโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ ! ยิ่งไปกว่านั้น.. เชื่อว่าหากคุณได้ใช้เวลาไปกับความบันเทิง เสพผลงานของศิลปินที่คุณชื่นชอบ เวลาจะถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้คุณมีความสุข และมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น 4.…

หลังจากเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดโควิด ทำให้รูปแบบการทำงานนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก หลายคนคงได้ยินคำว่า Work from home หรือ Hybrid work มาพอสมควร สภาพการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทำให้มนุษย์ออฟฟิศมีพฤติกรรมและความต้องการที่เปลี่ยนไปจากเดิม หลายคนรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ทำงานอยู่บ้านกับครอบครัว ทว่าขณะเดียวกันก็อยากยืดหยุ่นการทำงานและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าการบริหารองค์กรด้วยการทำงานรูปแบบเดิมอาจไม่ตอบโจทย์ Work Life Balance ของผู้คนอีกต่อไป ซึ่งหลายครั้งก็ไม่อาจรั้งพวกเขาให้อยู่กับเราได้นานเช่นกาลก่อน ดังปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกอย่าง The Great Resignation และ Quiet Quitting ในช่วงล่าสุดที่ผ่านมา และคล้ายกับว่านี่เป็น Butterfly Effect ที่มีผลต่อองค์กรในกาลข้างหน้าอย่างมากทีเดียว วันนี้เราจึงอยากแชร์เทรนด์การทำงานปัจจุบันที่สามารถตอบโจทย์ของการบริหารธุรกิจของคุณกันครับ ว่าจะไปในทิศทางไหนได้บ้าง กับ 5 รูปแบบการทำงานที่มาแรงในยุคใหม่ การทำงานยุคใหม่ที่มาแรง เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การทำงานอยู่ภายในออฟฟิศแบบซังกะตายแบบเดิม ๆ อาจเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้คนยุคใหม่เลือกอยู่กับเราน้อยลง ซึ่งส่งผลต่อการบริหารธุรกิจและองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการขาดพนักงานที่สามารถรับผิดชอบในงานสำคัญ หรือจะเป็นรับภาระงานอันหนักหน่วงของพนักงานที่ยังเหลืออยู่ในบริษัท สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้พนักงานเกิดอาการ Burn Out และขาดแรงใจจะอยู่กับเราในที่สุด และจากที่เกริ่นกันไปแล้ว.. ทีนี้เรามาดูกันครับว่า มีรูปแบบการทำงานแบบใดบ้างที่จะทำให้การบริหารธุรกิจและองค์กรของเราเป็นเรื่องที่สะดวกยิ่งขึ้น 1. Remote and Hybrid work ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานทางไกลเป็นตัวเลือกลำดับแรกที่ดึงดูดใจพนักงานเก่าหรือคนอื่นที่พบเห็นใบสมัครในบริษัทของเราเป็นอันต้องหยุดชะงักเพราะความสนใจ โดยรูปแบบการทำงานแบบทางใกล้จะมีหลายรูปแบบย่อย ตามแต่เราจะวางเงื่อนไขรูปแบบดังกล่าว ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 แบบย่อย ได้แก่ 2. Visual Team Building Google Meet, Zoom, Microsoft Team เป็นตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ทำงานสะดวกขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแค่คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กของคุณได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ดังกล่าว การจะฟอร์มทีมสำหรับเรียกประชุมและคุยงานก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว และยิ่งมี VR หรือ Visual Reality เป็นหนึ่งในเครื่องมือจากนวัตกรรมสุดล้ำที่มีความสามารถจำลองภาพให้เสมือนจริงบนโลก Metaverse…

กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด.. กรุงโรมก็ไม่ได้สร้างด้วยคนเพียงคนเดียวฉันนั้น แน่นอนว่าเหนือสิ่งอื่นใดหากคุณต้องการทำงานสเกลใหญ่ให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย นอกจากสกิลของคนแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดหนีไม่พ้นการสร้าง “ทีมเวิร์ค” ที่ดี เพื่อที่จะสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งประโยชน์ทางตรงที่คุณเห็นได้ชัดของการมีทีมเวิร์คที่ดี นั่นคือคุณภาพของงาน ปริมาณ และเวลาที่ดีขึ้น ส่วนประโยชน์ทางอ้อมคือองค์กรได้พัฒนาองค์ความรู้ที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว แต่การสร้างทีมเวิร์คให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีได้นั้น.. ไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมเวิร์คที่ทำงานให้ออกมาดีได้นั้นไม่ใช่ว่าใครจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ หากคุณเป็นหัวหน้าและมีบทบาทในการจัดการทรัพยากรบุคคล สิ่งที่ขาดไม่ได้คือต้องมีทักษะที่ดีในการจัดสรรคนให้ลงตัว สกิลของแต่ละคนต้องสอดคล้องเหมาะสมกันเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง จำนวนคนต่อทีมต้องพอดีเหมาะสมกับปริมาณงาน ไม่ใช่ทำงานร่วมกันแล้วกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ แต่แม้ว่าการจัดการกับคนคือเรื่องน่าปวดกหัวที่สุดของทุกกิจกรรมในองค์กร ซึ่งยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางทำให้ดีได้ เอาล่ะ!.. งั้นต่อไปนี้คุณจะได้รู้ว่าการสร้าง ทีมเวิร์ค ที่ดีมีแนวคิดอย่างไร เริ่มจากคิดก่อนว่า.. ทีมเวิร์คที่ดีต้องมีกี่คน ? จากที่บอกไปว่า.. จำนวนคนต่อทีมต้องพอดีเหมาะสมกับปริมาณงาน ต้องไม่หลวมแต่ก็ต้องไม่บีบรัดจนเกินไป การที่จะสร้าง ทีมเวิร์ค ขึ้นมา ก่อนอื่นขอแนะนำให้คุณนิยามสเกลของงานก่อนว่ามีขนาดระดับไหน เล็ก (S) กลาง (M) หรือ ใหญ่ (L) หากงานของคุณมีปริมาณมาก มีความละเอียดและซับซ้อน อาจมีระดับใหญ่มาก (XL) ด้วยก็ได้ ซึ่งใช้แนวคิดเดียวกัน เพื่อที่คุณจะสามารถสร้างทีมที่ดีขึ้นมา มีจำนวนคนต่อทีมเหมาะสมจนสามารถเพิ่มศักยภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่ Small Sizing งานขนาดเล็ก จำนวนคนที่คุณควรจัดให้เหมาะสมต่อทีมคือประมาณ 4 – 5 คน รวมหัวหน้าทีม (Leader) โดยคนกลุ่มนี้ควรมีหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกัน เพื่อที่ว่าทุกคนจะสามารถทำงานตามหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ โดยมีหัวหน้าทีมคอยแนะนำ ให้คำปรึกษา ช่วยแก้ปัญหา และผสานงานแต่ละส่วนเพื่อให้ผลงานออกมาเสร็จสมบูรณ์ตามที่ได้รับมอบหมาย Medium Sizing งานขนาดกลาง แนะนำว่าจำนวนที่เหมาะสมคือ 6 – 7 คน โดยคุณควรกำหนดให้ทีมมีทั้งหัวหน้าทีมและรองฯ ส่วนสมาชิกที่เหลือควรมีหน้าที่ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ถ้าหากตำแหน่งหน้าที่ใดไม่สามารถมีแค่คนเดียวได้ คุณอาจเพิ่มให้มีสองคนที่ทำหน้าที่เดียวกันก็ถือว่าเป็นจำนวนกำลังดี…

Multitasking และ Prioritizing skills จำเป็นมากจริง ๆ กับการทำงานในยุคสมัยนี้เพื่อให้ก่อเกิด Productivity ไม่ว่าจะสายอาชีพใด ยิ่งเมื่อคุณโตขึ้น ความรับผิดชอบมากขึ้น คุณต้องรับผิดชอบทั้งงานหลัก (Main goal) ควบคู่ไปกับงานรอง (Sub goal) ในบางสายอาชีพยังอาจถูกงานประเภท Operation Supports แทรกเข้ามาอย่างเร่งด่วนเป็นประจำ หรือหากคุณเป็น Specialist จ๋า แน่นอนว่าคุณต้องมีหน้าที่ให้คำปรึกษา คอยรับโทรศัพท์ ตอบ LINE หรืออีเมลจากผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณอยู่เสมออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กิจกรรมหรือ tasks ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ถ้าหากว่าคุณไม่มีพาร์ทเนอร์ประจำตัวคอยช่วยสะกิดเตือน นั่นหมายถึงคุณก็คงต้องจำอะไรเองทั้งหมดคนเดียว หรือไม่มีแพลนเนอร์มาช่วยจัดการและช่วยลำดับงาน คุณก็คงต้องใช้วิธีการจดโน๊ตแบบง่าย ๆ ในสมุดหรือ post-it ซึ่งถ้ามีงานสองงานก็พอไหว แต่หากมีเป็นสิบ ๆ tasks ต่อวัน แค่คิดตามก็ปวดหัวแล้ว ! ปัญหานี้สำหรับในทุกวันนี้แล้ว มันก็ไม่ได้แก้ไขยากเท่าไหร่ เพียงคุณลองมองหาเทคโนโลยี และใช้แอปพลิเคชั่นจำพวกแอพจัดตารางงาน เลือกแอพที่ตรงกับรูปแบบอาชีพและสไตล์การทำงานของตัวคุณเอง รับรองเลยว่าเจ้าแอพเหล่านี้มันช่วยเป็นทั้งแพลนเนอร์และพาร์ทเนอร์ให้คุณได้อย่างดี การันตี Productivity ของคุณจะต้องเพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ 7 แอพจัดตารางงาน เป็นทั้งพาร์ทเนอร์และแพลนเนอร์ เลือกใช้ตามสไตล์ การจะเลือกแอพจัดตารางงาน เพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ช่วยเตือนความจำ หรือเป็นแพลนเนอร์ช่วยจัดการและช่วยลำดับงานให้ตัวคุณเองนั้นเป็นเรื่องสำคัญ โดยคุณควรจะต้องเลือกให้ตรงกับรูปแบบอาชีพและสไตล์การทำงานของตัวคุณเอง แอพไหนที่ User Interface ใช้ง่ายสำหรับคุณ รองรับปริมาณงานและรูปแบบงานที่ตรงกับข้อมูลงานของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือแอพที่ใช้นั้นต้องมีฟีเจอร์หลักที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับคุณได้ เพราะเมื่อใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วยแล้ว Productivity ของคุณต้องเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการที่คุณต้องลองศึกษาจากทั้ง 7 แอพผู้ช่วยในการจัดตารางงานยอดฮิตเหล่านี้ ที่เราสรุปมาให้หรือลองไปดาวน์โหลดมาใช้เสียก่อน 1. Planner Pro แอพจัดตารางงาน…

ปรับ mindset เปลี่ยนความคิด เสริมแกร่งความสัมพันธ์ดี ๆ กับเพื่อนและครอบครัว คุณเป็นคนนึงหรือเปล่า ? ที่กำลังโฟกัสกับเป้าหมายส่วนตัว หรืออาจจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเรียนเป็นหลัก บางครั้งให้ความสำคัญและใช้เวลาส่วนมากในแต่ละวันไปกับโลกโซเชียล จนหลายต่อหลายครั้งละเลยสิ่งสำคัญที่สุดในโลกความจริงของคนเราไป นั่นก็คือ “ความสัมพันธ์” ไม่ว่าจะกับคนในครอบครัว คนรัก เพื่อน หรือบุคคลใกล้ชิด ดังนั้น หากใครคนนั้นคือคุณหรือเกือบจะเป็นคุณแล้วละก็.. วันนี้ฤกษ์งามยามดี “6 Missions to the Moon” ให้คุณลอง ปรับ mindset ตัวเองต้อนรับปีใหม่กันดีกว่า เพื่อเสริมแกร่งความสัมพันธ์ดี ๆ ที่จะช่วยเติมเต็มความสุขที่แท้จริงให้กับคุณและคนรอบข้างได้อย่างดี (มี Easter Egg ตอน End Credit) Start Mission Campaign เริ่มที่ตัวเอง.. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้วยการ “ปรับ mindset” ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าการสร้างความสัมพันธ์ มักเป็นเรื่องของคนสองคน หรือกลุ่มคนหลายคน การจะเปลี่ยนให้ทุกคนมาได้ดั่งใจคุณเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ดังนั้นการปรับ mindset ที่ตัวคุณเองก่อนจึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สิ่งสำคัญคือคุณต้องกล้าเปิดใจ ระงับอีโก้ และให้ความสำคัญกับความรู้สึกตัวเอง ต้องรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และยึดมั่นในสิ่งไหน เมื่อตั้งจุดตรงนี้ได้แล้ว คุณก็สามารถเริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นได้เลย โดยลุยไปพร้อม ๆ กันกับ 6 ด่านภารกิจสำคัญดังต่อไปนี้ 1st Mission ปรับความเข้าใจเพื่อเรียนรู้ “ตัวตนที่แท้จริง” ความคิดของคนส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นที่ว่า “ทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนั้น” “ทำไมเขาถึงคิดแบบนี้” “ทำไมเขาไม่เป็นในแบบที่คุณชอบ” ซึ่งการเกิดคำถามเหล่านี้แสดงว่าคุณยังไม่เริ่มเปิดใจในการทำความเข้าใจตัวตนที่แท้จริง ดังนั้นการปรับ mindset ข้อนี้จึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก โดยการพยายามเข้าใจ…