Author: athena_abradmin

เปิดรับสมัครแล้ว คอร์สเรียนออนไลน์ “ก้าวแรกสู่ การพูดในที่สาธารณะ” คอร์สเรียนทักษะการพูดในที่สาธารณะที่โฟกัสตรงจุด ทำให้คุณพัฒนาทักษะการพูดเป็นเร็วขึ้น SPEAK SPARK ได้กลั่นกรอง “ศาสตร์และศิลป์” ของการพูดในที่สาธารณะ เพื่อใช้เป็น “แผนที่นำทาง” สำหรับผู้ที่กำลังฝึกฝนทักษะการพูดในที่สาธารณะและผู้ที่ปรารถนาจะออกไปจับไมค์พูดต่อหน้าคนจำนวนหนึ่งได้ เป้าหมายของคอร์สเรียนนี้ คือ ต้องการปูพื้นฐานด้านการพูดในที่สาธารณะให้กับคุณ เพื่อให้คุณ “รู้” ถึง “สิ่งที่คุณควรรู้” เมื่อต้องออกไปจับไมค์พูดต่อสาธารณะในก้าวแรก สิ่งที่คุณจะได้รับจากคอร์สเรียน ใครบ้างที่เหมาะกับคอร์สนี้ คุณจะพบกับเนื้อหาที่บอกคุณถึงหลักการ วิธีการ ขั้นตอนและเทคนิคการพูด ดังนี้ หมวดหมู่ การพัฒนาตนเองและบุคลิกภาพ / การศึกษา / การพูดและภาษา รูปแบบการเรียน การพูดในที่สาธารณะ อบรมออนไลน์ ผู้เรียนรับชมวีดีโอในแต่ละบทและฝึกฝนทักษะการพูดในที่สาธารณะด้วยตนเอง ตาม Checklist ฝึกซ้อมการพูดด้วยตนเอง by Speak Spark อื่น ๆ ที่ผู้เรียนต้องรู้ โบนัสพิเศษ! สำหรับผู้สมัครเรียนคอร์สนี้ โดย Speak spark มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา “ทักษะการพูดในที่สาธารณะ” ของผู้ฝึกฝนการพูดทุกท่าน เราจึงขอมอบของขวัญพิเศษ คือ “คู่มือการพูดในที่สาธารณะ (ฉบับที่คุณเองก็พูดได้)” (มูลค่า ฿490) เป็นคู่มือรูปแบบ E-Book ประเภทไฟล์ PDF สำหรับเปิดอ่าน คู่มือเล่มนี้ได้กลั่นกรองสุดยอด “ใจความสำคัญ” เพื่อใช้เป็น “คู่มือประจำตัว” สำหรับผู้ที่กำลังฝึกฝนทักษะการพูดในที่สาธารณะและผู้ที่ปรารถนาจะออกไปจับไมค์พูดต่อหน้าคนจำนวนหนึ่งได้ SPEAK SPARK เป็นกำลังใจให้ผู้ฝึกฝนการพูดในที่สาธารณะทุกท่านค่ะ เวลาเรียน สอบถามโดยตรงกับผู้จัดคอร์สอบรม ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาสอบถามเพื่อคอนเฟริมโดยตรงกับผู้จัดคอร์สอบรมอีกครั้ง Source link : คลิกดูข้อมูลเต็ม สนใจติดต่อได้ที่

Read More

ถอดบทเรียน “ธุรกิจเจ๊ง” เช็คความเสี่ยงว่าธุรกิจคุณเข้าขั้นวิกฤตแล้วหรือยัง ? ปกติแล้วบทความส่วนใหญ่จะให้หนทางทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ พร้อมแนะนำเคล็ดลับต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าหากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจหรือทำธุรกิจแล้วกำลังประสบกับความเสี่ยงในการทำให้ ธุรกิจเจ๊ง การศึกษาจาก case study ต่าง ๆ และรู้เท่าทันก่อนจะสายเกินไป ก็นับเป็นเรื่องสำคัญพอ ๆ กับการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ..และเพื่อให้เราได้ไปต่อ การเช็คความเสี่ยงจึงสำคัญยิ่งหนัก ! แต่หลายคนดันลืม ไม่สนใจ หรือมองข้ามไป จึงไม่ได้เตรียมความพร้อมเมื่อเกิดความเสี่ยงที่ธุรกิจจะเจ๊งขึ้น แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มักจะเกิดจากสัญญาณเล็ก ๆ จนลุกลามใหญ่โต กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็แก้ไขปัญหาไม่ได้แล้ว ดังนั้นนี่คือเช็กลิสต์สำคัญที่ทุกคนไม่ควรพลาด !!! เช็คความเสี่ยงกันก่อน.. ธุรกิจเจ๊ง เกิดจากอะไร ? ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าเหตุผลของธุรกิจส่วนใหญ่ที่มักจะเจ๊งกันคืออะไร และธุรกิจของคุณอยู่ในความเสี่ยงเหล่านี้หรือไม่ ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกตะคิดตะควงใจ มาตามเช็กลิสต์ไปพร้อม ๆ กัน และหาทางแก้ไขด้วยไปในตัว โดย 7 เหตุผลยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่ทำธุรกิจเจ๊ง มีดังนี้ 1. สร้างฐานธุรกิจไม่แข็งแรงตั้งแต่ต้น ในการเริ่มต้นทำธุรกิจมักจะเริ่มด้วยตัวคุณคนเดียวหรือกลุ่มคนไม่กี่คน ที่จำเป็นจะต้องแบ่งหน้าที่ต่าง ๆ ให้เสร็จสรรพ ซึ่งแน่นอนว่าหน้าที่ในหลาย ๆ อย่างอาจไม่ใช่สิ่งที่ถนัด เลยมักจะทำแบบพอผ่าน หรือไม่ทำระบบการทำงานให้ชัดเจน หรือมีสโคปการทำงานที่ไม่แน่ชัด จะทำให้ระบบการทำงานล่มตั้งแต่เริ่มหรือในสักวันนึง ทางที่ดีเราเอาปัญหามากางและอุดรอยรั่ว และสร้างฐานให้มั่นคงตั้งแต่แรกจะเป็นการดีที่สุด 2. ขาดการศึกษาความต้องการของตลาด การทำธุรกิจทุกชนิดจำเป็นจะต้องศึกษาความต้องการของตลาด มากกว่าทำแบบตามใจฉัน ซึ่งการทำแบบตามใจฉันไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องคำนึงถึงลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า ดังนั้นการศึกษาตลาดจำเป็นที่จะต้องสามารถระบุได้ว่าลูกค้าของเราคือใคร ช่วงอายุเท่าไหร่ มีไลฟ์สไตล์แบบไหน ยิ่งลึกเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ถ้าหากเลือกทำแบบตามใจฉัน สักวัน ธุรกิจเจ๊งสูงมาก เพราะความชอบของเราไม่ใช่ความชอบของทุกคน 3. ขาดความชัดเจนในธุรกิจที่ทำ ในการทำธุรกิจจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ว่าเราทำธุรกิจอะไร โดยการทำธุรกิจภายใต้ชื่อแบรนด์เดียวกัน ควรให้สินค้าหรือบริการไปในทิศทางเดียวกัน แน่ชัดในสินค้าและบริการที่จะขายคืออะไร จะขายเพื่ออะไร และสามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้ซื้อได้อย่างไรบ้าง ยิ่งสร้างแบรนด์ดิ้งรวมไปถึงคาแรคเตอร์แบรนด์ลงไปด้วย ยิ่งสามารถเพิ่มความชัดเจน ให้กลุ่มลูกค้ารู้จักคุณได้มากยิ่งขึ้น ก็จะช่วยขายของได้ง่ายยิ่งขึ้น 4. บริหารจัดการธุรกิจไม่เป็น ธุรกิจที่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้แบบไม่มีสะดุด ตัวเจ้าของหรือผู้ที่ต้องดูแลฝ่ายต่าง ๆ จะต้องรู้จักการบริหารจัดการทุก ๆ อย่างให้เป็นระบบ เพราะถ้าหากไม่เป็นมีโอกาสสูงที่ ธุรกิจเจ๊ง ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วในการบริหารจะมีในเรื่องของการบริหารเงิน…

Read More

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? OKRs & Performance Management for Supervisor หลักสูตรฝึกอบรมออนไลน์ OKRs และการประเมินผลงานสำหรับหัวหน้างาน เรียนออนไลน์ผ่าน Zoom Meeting (พร้อมรับไฟล์เอกสาร) “สร้าง OKRs อย่างไร? ให้การประเมินผลออกมามีประสิทธิภาพ” บทบาทที่สำคัญอย่างหนึ่งของหัวหน้างาน นั่นก็คือ “การกำหนดเป้าหมายและทิศทางที่องค์กรมุ่งหวัง และการกำกับผลปฏิบัติการปฏิบัติงานให้ลุล่วงตามแผนงานที่ตั้งไว้” อาจมาจากวิสัยทัศน์จนถึงแผนกลยุทธ์ (Strategic Plan) รวมถึงแผนการดำเนินงาน (Action Plan) ของแต่ละส่วนงาน ซึ่งปัจจุบันหลากหลายองค์กรต่างให้ความสนใจกับ OKRs (Objective and Key Results) เครื่องมือใหม่ที่องค์กรต่างๆ เริ่มนิยมใช้กันมากขึ้น ดังนั้น การสร้าง OKRs ที่สามารถสร้างตัวชี้วัดได้ชัดเจนเพื่อผลการปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นเรื่องที่หัวหน้างานต้องรู้ เพื่อกำหนด OKRs ให้ได้สอดคล้องกับแผนงานและกระบวนการทำงาน (Business Process) ของส่วนงานตน ในหลักสูตร “OKRs และการประเมินผลงานสำหรับหัวหน้างาน” นี้ จึงว่าด้วยเรื่องการกำหนดเป้าหมายได้อย่างชัดเจนเพื่อการประเมินผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามเป้าหมายและทิศทางที่องค์กรมุ่งหวังไว้ Key Contents บทบาทของหัวหน้างานต่อการตั้งเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ท่านจะได้เข้าใจถึงบทบาทต่างๆ ที่สำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งของหัวหน้างานนั่นก็คือ “การกำกับผลปฏิบัติการปฏิบัติงานให้ลุล่วงตามแผนงานที่ตั้งไว้” หรือบรรลุเป้าหมายและทิศทางที่องค์กรมุ่งหวัง ซึ่งอาจมาจากวิสัยทัศน์จนถึงแผนกลยุทธ์ (Strategic Plan) รวมถึงแผนการดำเนินงาน (Action Plan) ของแต่ละส่วนงาน ความสำคัญและประโยชน์ของการกำหนดเป้าหมายการทำงาน ท่านจะได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความสำคัญและประโยชน์ของการตั้งเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้น โดยใช้ระบบการตั้งเป้าหมาย แนวทางการตั้งเป้าหมายการทำงานร่วมกัน รวมถึงการติดตามผลลัพธ์แบบง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพ OKR คืออะไร ทำไมถึงนิยมใช้ในปัจจุบัน ท่านจะได้ทราบถึงความหมายและเข้าใจ OKRs มากขึ้น ว่าทำไมองค์กรต่างๆ จึงหันมาใช้กันมามากขึ้น ความแตกต่างของ KPIs กับ OKRs คืออะไร ถ้าจะให้การวัดผลประสบความสำเร็จ Mindset ของพนักงานต้องปรับอย่างไร Key Benefits หมวดหมู่ งานบุคคล HR การทำงาน / การบริหารการจัดการ กลยุทธ์ธุรกิจ…

Read More

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? 7 Steps to Success 7 ทักษะสู่การเป็นนักขายมือทอง “ขายอย่างไร? ให้ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า ได้ทั้งยอดขายและความสัมพันธ์” เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันที่ธุรกิจต่างๆ มีการปรับตัว เปลี่ยนแปลง แข่งขันกันสูงขึ้น ด้วยจำนวนสินค้าและบริการที่มากขึ้นและลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลาย จากสถานการณ์รอบตัวที่เข้ามามีผลกระทบทำให้พฤติกรรมลูกค้าที่มีต่อการซื้อสินค้าและใช้บริการเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้การขายสินค้าและบริการเพื่อให้ลูกค้าตัดสินซื้อหรือใช้บริการ เป็นไปได้ยากขึ้น และที่สำคัญต้องทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุดด้วยเพื่อให้องค์กรเกิดความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของลูกค้า ซึ่งหลักสูตร อบรมการขาย นี้พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้นักขายประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์การขายแบบที่ปรึกษามืออาชีพ โดยเน้นให้เกิดทักษะและเทคนิค ที่ส่งเสริมให้ผู้ขายเข้าใจและใช้กลยุทธ์การขายโน้มน้าวจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของกระบวนการและเทคนิคการขาย ผ่าน 7 Advance Sale Steps to success เริ่มด้วยเข้าใจมุมมองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ (Customer Centric) สามารถวิเคราะห์วางแผนการขายให้ตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Sale Persona) ด้วยการสร้างสัมพันธ์ที่ดีเพื่อเปิดการขาย ค้นหาความต้องการให้ตรงใจ และโน้มน้าวนำเสนอสินค้าและบริการ ผ่านเทคนิคการตอบคำถามและขจัดข้อโต้แย้งในการขาย นำเข้าสู่การปิดการขายด้วยการตอกย้ำความมั่นใจ และสร้างความเชื่อมั่นหลังการขาย ที่จะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งขั้นตอนต่างๆ นี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จในการขาย และสร้างยอดขาย ความน่าเชื่อถือ รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรยิ่งขึ้น Key Contents Step 1: Sale Attitude & Customer Insight Step 2: Sale Persona Planner Step 3: Relating Skills : Opening (การสร้างความสัมพันธ์เพื่อเปิดการขาย) Step 5: Advocating Skills (การนำเสนอโน้มน้าวใจด้วยคุณค่าสินค้าที่ตรงใจ) Step 6: Handling Objection Skills (การตอบคำถาม ขจัดข้อโต้แย้งระหว่างการขาย) Step 7: Closing & Service for Supporting (การปิดการขาย สร้างความเชื่อมั่นหลังการขาย) Key Benefits เพื่อให้เข้าใจถึงมุมมองและทัศนคติต่อการขายแบบมืออาชีพ ผ่านพฤติกรรมการซื้อของลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ขายอย่างไร ? ให้ตรงใจลูกค้าเข้าใจและสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าในยุคปัจจุบันต่อการซื้อสินค้าและใช้บริการ เพื่อวิเคราะห์วางแผนการขาย…

Read More

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? หลักสูตรวุฒิบัตร การบริหารความเสี่ยงองค์กร รุ่นที่ 24 (Risk Management รุ่นที่ 24) หลักการและเหตุผล ในปัจจุบัน กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ดำเนินอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่อาจเกิดความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ซึ่งสภาวการณ์ดังกล่าวนี้เป็นเสมือนดาบสองคม กล่าวคือ อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ในเชิงบวก ซึ่งถือเป็นโอกาส (Opportunity) หรือในเชิงลบซึ่งถือเป็นความเสี่ยง (Risk) ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดจากการรวมตัวกันของข้อจำกัด (Constraint) และความไม่แน่นอน (Uncertainty) อย่างไรก็ดี “ความเสี่ยง” มีความแตกต่างกันไปตามมุมมองตามความเชี่ยวชาญและอาชีพของผู้ให้คำจำกัดความ ซึ่งหมายความว่า นักธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ นักสถิติ นักการเงิน วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย ต่างมีมุมมองและให้ความหมายของคำว่า “ความเสี่ยง” แตกต่างกันไป ดังนั้นผู้บริหารจึงจำเป็นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ และสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดกลยุทธ์องค์กร หรือกำหนดระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมที่องค์กรสามารถยอมรับได้ นอกจากนั้น การบริหารความเสี่ยงขององค์กรจำเป็นจะต้องทำควบคู่กับการกำกับดูแลและตรวจสอบอย่างมีประสิทธิภาพจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้จัดอบรมหลักสูตร “การบริหารความเสี่ยงองค์กร” เพื่อตอบสนองความต้องการและก่อเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดแก่ผู้เข้าอบรม โดยบุคคลที่เหมาะสมจะเข้าร่วมการอบรมได้แก่ เจ้าของกิจการและนักธุรกิจ ผู้จัดการทุกระดับ ผู้บริหารโครงการ เจ้าหน้าที่ทางการเงิน บุคคลทั่วไปที่สนใจ วัตถุประสงค์ หัวข้อการอบรม หมวดหมู่ งานบุคคล HR การทำงาน / การบริหารการจัดการ กลยุทธ์ธุรกิจ รูปแบบการเรียน อบรมทั่วไปโดยบริษัท/หน่วยงาน หากต้องการสอบถามเพิ่มเติม โทร. 089-8937286 หรือ 02-2186237 อื่น ๆ ที่ผู้เรียนต้องรู้ วิทยากร เวลาเรียน สอบถามโดยตรงกับผู้จัดคอร์สอบรม ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาสอบถามเพื่อคอนเฟริมโดยตรงกับผู้จัดคอร์สอบรมอีกครั้ง Source link : คลิกดูข้อมูลเต็ม สนใจติดต่อได้ที่

Read More

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? Marketing Analysis in Action หลักสูตรฝึกอบรมออนไลน์ การวิเคราะห์ทางการตลาด เรียนออนไลน์ผ่าน Zoom Meeting (พร้อมรับไฟล์เอกสาร) วันพฤหัสบดี ที่ 9 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 – 16.00 น. (6 ชั่วโมง) ราคา 4,800 บาท/ท่าน (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) “การวิเคราะห์โมเดลกลยุทธ์ทางการตลาด เครื่องมือในการวิเคราะห์การตลาด และ Action Plan พร้อมทั้ง Workshop กรณีศึกษาเพื่อให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง และสามารถใช้ได้จริง” หลักการและเหตุผล การวางกลยุทธ์และการวางแผนการตลาดต้องอาศัยทักษะ ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดเพื่อใช้ในการตัดสินใจ โดยการวิเคราะห์ที่ดีนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีระบบ และมีหลักการที่น่าเชื่อถือได้ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการนำเสนอแนวคิด เครื่องมือทางการตลาดที่หลายหลาก เพื่อให้นักการตลาดเลือกใช้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ท้าทาย คือ ควรเลือกใช้เครื่องมือใดจากเครื่องมือที่มากมายเหล่านั้น และควรจะประยุกต์ใช้อย่างไรจึงจะถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อการทำการตลาดในการทำงานจริงหลักสูตรนี้มุ่งเน้นที่การเข้าใจและการเรียนรู้ในกลยุทธ์ทางการตลาดเชิงลึก เพื่อให้นักการตลาด “รู้จริง” “ตัดสินใจได้” เกี่ยวกับภาพรวมของระบบการตลาด เพื่อเข้าใจถึงความเชื่อมโยงในการวิเคราะห์ทางการตลาด รู้จักการวิเคราะห์โมเดลกลยุทธ์ทางการตลาด ตลอดจนเครื่องมือในการวิเคราะห์การตลาด และ Action Plan พร้อมทั้ง Workshop ผ่านกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จ เพื่อการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ Key Contents Key Benefits สนใจฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าวกับ Strategic Center ท่านสามารถสมัครได้ที่เว็บไซต์ sbdc.co.th หรือสนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร. 085-4858825Link : https://www.sbdc.co.th/public-training-calendar/837/marketing-analysis-in-action/ หมวดหมู่ การลงทุน หุ้น ทองคำ อสังหาฯ / การบริหารการจัดการ กลยุทธ์ธุรกิจ / จัดซื้อ การตลาด การขาย บริการ รูปแบบการเรียน อบรมทั่วไปโดยบริษัท/หน่วยงาน อื่น ๆ ที่ผู้เรียนต้องรู้ วิทยากร ผศ.ดร.มานา ปัจฉิมนันท์ เวลาเรียน…

Read More

การเรียนภาษาใครว่าต้องจริงจังเคร่งเครียดเสมอไป วันนี้เราได้รวบรวมแอปพลิเคชั่นเรียนภาษาต่างประเทศหรือ แอปเรียนภาษา ยอดนิยม ที่มีคะแนนรีวิวสูง ๆ ทั้งนั้น ใครหลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้ผลจริง” และนอกจากเรียนภาษาที่สองหรือสามจะเป็นการพัฒนาตนเอง เพิ่มสกิลและศักยภาพในการทำงานแล้ว ขอบอกเลยว่าการเลือกเรียนภาษาผ่านแอปพลิเคชั่นแบบออนไลน์นั้น สะดวก ประหยัดค่าเดินทาง และยังแฝงไปด้วยความสนุกเพลิดเพลิน อีกทั้งยังช่วยสร้างการจดจำได้ดีกว่าบทเรียนเล่มหนา ๆ ที่ต้องนั่งท่องจำแต่ไม่เคยได้ออกเสียงหรือเขียนจริง ซึ่งแอปเหล่านี้ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ทักษะในการเรียนพัฒนาได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย 7 แอปเรียนภาษา ทั้งสนุกและได้ความรู้ แอปเรียนภาษา หรือแอปพลิเคชั่นเรียนภาษาต่างประเทศที่เราคัดมาให้วันนี้ถือเป็นตัวช่วยดี ๆ ที่จะมาช่วยเสริมสร้างทักษะทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเจ้าของภาษาได้จริงผ่านการแชร์ในคอมมูนิตี้ และในรูปแบบอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ ! จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย 1. Duolingo คงไม่มีใครไม่รู้จักแอปเรียนรู้ภาษายอดนิยมอย่าง Duolingo ที่ตัวแอปจะมีความเหมาะกับผู้ที่ต้องการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศตั้งแต่ในระดับพื้นฐาน เพราะภายในตัวแอปนอกจากสาระความรู้เกี่ยวกับภาษาต่างประเทศแล้วยังได้ทั้งความสนุกจากภารกิจและกิจกรรมส่งเสริมการใช้ภาษาในรูปแบบของเกมให้ผู้ใช้งานได้ลองใช้ เช่น เกมการตอบคำถาม เกมฝึกการฟังเสียง หรือฝึกแปลภาษา ที่จะช่วยพัฒนาและกระตุ้นสมองให้เกิดการเรียนรู้และการจดจำที่ไวกว่าการเรียนแบบท่องจำทั่วไป ที่สำคัญยังมีการแจ้งเตือนให้เรามาเรียนทุกวันกันอีกด้วย 2. Memrise อีกหนึ่ง แอปเรียนภาษา ยอดฮิตที่เน้นการเรียนรู้ภาษาในรูปแบบการจดจำคำศัพท์และไวยากรณ์ภาษา ผ่านเกมจับคู่ศัพท์และเกมช่วยเสริมความจำอื่น ๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำศัพท์ไปใช้งานได้จริงในระยะยาว รวมถึงตัวแอปมีการผสมผสานเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยพัฒนาการเรียนรู้ ให้ผู้ใช้งานสามารถฝึกฝนภาษาอังกฤษกับติวเตอร์-เอไอ (Membot) แบบตัวต่อตัวอีกด้วย ถือว่าเป็นนวัตกรรมล้ำๆ ที่ทำให้คุณสนุกสนานเพลิดเพลินได้อย่างเต็มที่ 3. CAKE แอปพลิเคชั่นเรียนภาษาภาษาจากวิดีโอที่มีชื่อน่ารัก ๆ อย่าง CAKE เป็นอีกหนึ่งแอปที่ช่วยฝึกด้านสำนวนภาษาอังกฤษและเกาหลีผ่านบทเรียนที่เป็นระบบมินิเกม ทำให้เกิดการเรียนรู้ จดจำ พร้อมกับความเพลินเพลินสนุกสนาน นอกจากนั้นในแอปยังมี Lesson ให้เลือกเรียนตามหัวข้อต่าง ๆ กับเจ้าของภาษาและทดสอบความสามารถผ่านควิซภายในแอป เรียกได้ว่าครบ จบ ที่แอปเดียวเลย ถือว่าเป็นแอปที่น่าสนใจมากๆ หลายคนเรียนแล้วก็พบว่าเป็นแอปที่ช่วยในการเรียนภาษาได้อย่างก้าวกระโดด 4. Rosetta Stone อีกหนึ่งแอปสอนภาษาต่างประเทศที่ต้องการเสริมสร้างทักษะในการอ่านและการพูดให้กับผู้ใช้งานให้สามารถเรียนรู้ภาษาต่างประเทศด้วยความมั่นใจ ไม่ใช่เพียงแค่ท่องจำ แต่การได้ทดลองใช้ภาษาจริง เรียนรู้จากจุดผิดพลาดจะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีกว่า รวมถึงในตัว แอปพลิเคชั่นเรียนภาษามีภาษารองรับมากกว่า 24 ภาษาทั่วโลก พร้อมบทเรียน Lesson ด้านภาษาต่าง ๆ ให้ฝึกฝน สามารถปรับระดับความยาก -…

Read More

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลงานขององค์กรเพื่อให้ได้งานเชิงพัฒนามากขึ้น หลายองค์กรได้เลือกทำการปรับปรุงแนวทางการกำหนดตัวชี้วัดผลงานเช่น KPIs โดยเปลี่ยนไปเป็นการตั้งเป้าหมายในเชิงพัฒนา รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดผลงานแบบที่มุ่งเหตุที่ทำให้เกิดผล และผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการ มากกว่าที่จะตั้งตัวชี้วัดผลงานแบบงานประจำ และตัวชี้วัดผลงานที่มุ่งวัดผลเบื้องต้นเท่านั้น วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ หมวดหมู่ การพัฒนาตนเองและบุคลิกภาพ / งานบุคคล HR การทำงาน / การบริหารการจัดการ กลยุทธ์ธุรกิจ รูปแบบการเรียน อบรมทั่วไปโดยบริษัท/หน่วยงาน แนวทางการเรียนรู้ : อื่น ๆ ที่ผู้เรียนต้องรู้ กลุ่มเป้าหมาย: ผู้จัดการและหัวหน้างานจากทุกสายงานที่บริษัทกำหนด เวลาเรียน สอบถามโดยตรงกับผู้จัดคอร์สอบรม ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาสอบถามเพื่อคอนเฟริมโดยตรงกับผู้จัดคอร์สอบรมอีกครั้ง Source link : คลิกดูข้อมูลเต็ม สนใจติดต่อได้ที่

Read More

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? ทําความรู้จักกับไคเซ็น (KAIZEN) เครื่องมือที่ช่วยในการทําไคเซ็นในสํานักงาน หมวดหมู่ งานบุคคล HR การทำงาน / บริหารการผลิต อุตสาหกรรม / การประเมินคุณภาพ มาตราฐานต่างๆ รูปแบบการเรียน อบรมทั่วไปโดยบริษัท/หน่วยงาน เวลาเรียน สอบถามโดยตรงกับผู้จัดคอร์สอบรม ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาสอบถามเพื่อคอนเฟริมโดยตรงกับผู้จัดคอร์สอบรมอีกครั้ง Source link : คลิกดูข้อมูลเต็ม สนใจติดต่อได้ที่

Read More

สวัสดีปีใหม่ ปีที่ใครหลายคนตั้งเป้าว่าต้องเป็นปีแห่งการหันมาใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น และหากคุณเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น เมื่อดูแลสุขภาพกายแล้ว ต้องห้ามพลาดที่จะหันมาดูแลสุขภาพใจด้วย ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมานี้จะเห็นได้ว่าคนในสังคมทั้งวัยรุ่นและวัยทำงานเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับ “Mental Health” กันมากยิ่งขึ้น หรือให้ความสำคัญต่อการหมั่นสังเกตสุขภาพจิตของตนเองเป็นระยะ ๆ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้คนในสังคมทุกกลุ่มได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนอกเหนืออาการบาดเจ็บทางกายภายนอกที่เราสังเกตได้ด้วยตาเปล่า เพราะหากเราพบว่าสุขภาพจิตของเราต้องการการดูแลรักษา นั่นก็ไม่ต่างจากการบาดเจ็บเป็นแผลที่สุขภาพกาย แต่กลับกันที่นี่คือแผลที่จิตใจ อยู่ภายใน ซึ่งมีเพียงผู้ป่วยเท่านั้นที่จะสังเกตตัวเองได้ และเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในระยะยาวอย่างคาดไม่ถึง อย่างที่ว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” เมื่อจิตใจหดหู่ห่อเหี่ยว ก็จะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่แสดงออกแบบแปลกแยก เช่น มีความเครียดความกดดันมากกว่าปกติจนไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเอง มีความคิดทำร้ายร่างกายตัวเองหรือคนรอบข้าง เป็นต้น มาสังเกตสุขภาพใจกัน แบบไหนต้องพบจิตแพทย์ หากเราเริ่มสังเกตสุขภาพจิตหรือ Mental Health ของเรา แล้วพบว่าตัวเองมีพฤติกรรม 7 รูปแบบนี้ ก็เป็นสัญญาณเตือนให้คุณต้องหันกลับมาใส่ใจสุขภาพจิตใจของตัวเองให้มากกว่าปกติ หรือพบนักบำบัด นักจิตวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรับการช่วยเหลือ หรือเพื่อความชัวร์แนะนำว่าให้พบกับจิตแพทย์ก่อนก็ได้เหมือนกัน ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่า 7 พฤติกรรมที่เป็นสัญญาณเตือนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. รู้สึกว่าอารมณ์แปรปรวน ดีได้ชั่วครู่ก็กลับมาหดหู่แบบไร้สาเหตุ สังเกตสุขภาพจิตในเรื่องของอารมณ์และรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเรารู้ตัวว่ากำลังรู้สึกมีความสุข โกรธ ผิดหวัง เศร้า หรือเสียใจ โดยเข้าใจว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกเหล่านี้คืออะไรก็เท่ากับว่าเราสามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกตัวเองได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ตามอารมณ์ตัวเองไม่ทัน ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเศร้า หดหู่ ท้อแท้หรือวิตกกังวล อาจเป็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับสภาวะทางจิตที่ไม่มั่นคงได้ ถ้าหากเป็นแล้วหาสาเหตุไม่เจอบ่อยๆ แนะนำว่าพบแพทย์จะเป็นการดีที่สุด 2. มีทัศนคติด้านลบในการใช้ชีวิต บนโลกนี้มีทั้งเรื่องดีและร้ายสลับกันไป ไม่มีใครที่มีความสุขทุกวันเช่นกันกับความทุกข์ที่จะอยู่กับเราแล้วก็ผ่านไป แต่ถ้าหากใครมีความรู้สึกว่าโลกนี้มีแต่ความทุกข์และน่าเสียใจ มองไม่เห็นแสงสว่างที่จะเข้ามาในชีวิตได้อีกต่อไป ขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งสภาวะที่บ่งบอกได้ว่าสุขภาพจิตของคุณต้องการได้รับการดูแลที่มากขึ้นกว่าปกติแล้วในตอนนี้ โดยสังเกตได้เลยว่าหากเป็นต่อเนื่อง 2 สัปดาห์จำเป็นที่จะต้องพบจิตแพทย์โดยเร็ว 3. มีความคิดทำร้ายตัวเอง คนที่รักตัวเองและมีความนับถือตัวเองมากพอจะไม่มีความรู้สึกอยากทำร้ายตัวเองหรือทำให้ตัวเองเจ็บปวด เมื่อใดก็ตามที่มีความคิดทำร้ายตัวเอง อยากทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บเพราะคิดว่าเป็นวิธีในการระบายอารมณ์ ระบายความเครียด นั้นถือเป็นพฤติกรรมอันตราย ถึงแม้จะเป็นอารมณ์ชั่ววูบแต่ก็เป็นสัญญาณเตือนสำคัญว่าตัวคุณกำลังตกอยู่ในสภาวะ Low Self-esteem จนอาจขาดความยับยั้งชั่งใจได้ ดังนั้นหมั่น สังเกตสุขภาพจิตว่ามีในเรื่องนี้หรือไม่ ถ้าหากมีก็รีบไปพบจิตแพทย์ได้เลย ก่อนที่ความคิดจะแย่ลงมากเรื่อย ๆ 4. ความสัมพันธ์กับคนรอบตัวมีปัญหา คนที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิตจะมีการสื่อสารที่ผิดพลาดจากความเครียดความกังวล เมื่อต้องสื่อสารหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอาจเผลอใช้อารมณ์นำเหตุผลจนเกิดปัญหาความสัมพันธ์ ลองสังเกตตัวเองดูว่าเพื่อนสนิทของคุณเริ่มห่างหายไป คุณตามข่าวในสังคมรอบตัวไม่ทัน หรือเคยได้รับคำเตือนจากคนรอบตัวว่าเรากำลังมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหรือไม่ สามารถให้คนรอบตัว สังเกตสุขภาพจิตกันได้ และถ้าหากยิ่งส่งผลกระทบต่องาน ก็ต้องรีบพบจิตแพทย์โดยด่วน เพราะเท่ากับว่ากระทบทั้งความสัมพันธ์และงานแล้วนั่นเอง 5. ขาดสมาธิ ไม่สามารถโฟกัสการเรียน…

Read More