Author: athena_abradmin
ปัจจัยนึงที่สำคัญของคนเราไม่แพ้อาหารและยา นั่นคือ “ความรัก” บนพื้นฐานของคนสองคน ความรู้สึกดีต่อกัน ความสุข ชุ่มฉ่ำ เบิกบานใจ ที่มาในรูปแบบความสัมพันธ์ของ “แฟน” หรือ “คู่ชีวิต” แต่ความสุขนั้นไม่ได้ได้มาง่าย ๆ เพราะการจะมาเป็นคนรักกันจริง ๆ จะต้องผ่านเรื่องราวมากมาย ซึ่งมันไม่ได้มีแค่ความสุขเท่านั้น ยังมีความทุกข์ที่สลับไปมาให้ทุกคู่ได้ลิ้มรสสัมผัส บางคู่เมื่อประสบปัญหาก็อาจถอยหนี แต่บางคู่พยายามฟันฝ่าเพื่อรักษาความรักนั้นให้คงอยู่ ด้วยความยึดมั่นในศรัทธาเพื่อหวังเห็นแสงสว่างของอุโมงค์ปลายทาง อย่างไรก็ตามความรักก็ยังคงสวยงามเสมอ.. และในบทความนี้เราจะมาขยายความกันว่า แนวทางเพื่อไปถึงแสงสว่างที่ปลายทางตามแบบฉบับของคนทั่วไปนั้นเขาทำกันอย่างไร เพื่อที่ทุกช่วงวัยของเราจะได้เติมเต็มกันและกัน เริ่มต้นจากป๊อปปี้เลิฟ เข้าสู่รักวัยใส ไปจนก้าวข้ามอุปสรรคและเป็นรักที่มั่นคงตราบสิ้นลมหายใจของกันและกัน หันหน้ามองแฟนของคุณและเริ่มต้นสร้างนิยามของ “ความรัก” ของกันและกัน เชื่อเลยว่าแต่ละคู่ที่ตัดสินใจเป็นแฟนกัน จะมีเหตุผลของการคบหาที่ไม่เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ในทุกคู่ควรจะ “นิยามความรัก” หรือ “นิยามความสัมพันธ์” ของคู่ตัวเองว่าเป็นอย่างไรเสียก่อน คู่ไหนยังไม่เคยคิดเรื่องนึ้ ให้ลองหันหน้าหาคนรักของคุณและพูดคุยกันดู.. เพื่อที่จะได้รู้ว่าอะไรคือ “เป้าหมายของความรัก” ที่คุณทั้งสองจะเดินหน้าไปด้วยกัน เหมือนกับการปักหมุดบนแผนที่เพื่อจะไปถึงจุดหมายปลายทาง.. ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคู่รักมักนิยาความรักไว้ประมาณนี้ หากนิยามหรือเป้าหมายของคุณทั้งสองไม่ตรงกัน ขอให้คุยกันและปรับจูนกันอย่างมีเหตุและผล ไม่เอาแต่ใจ นี่แหละปัญหาแรกที่ความรักมันท้าทายคุณให้ก้าวข้ามก่อนไปเจอแสงสว่างที่ปลายทาง เรียนรู้ “ความรัก” แต่ละช่วงวัย เพื่อสานสัมพันธ์ให้ยั่งยืน ทีนี้เมื่อได้รู้ว่า “นิยามความรัก” ของแต่คู่ของคุณเป็นอย่างไรแล้ว ก็อยากให้ยึดมั่นตรงนั้นไปเรื่อย ๆ จะเป็นการช่วยประคองความรักให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ และถ้าหากอยากจะเปลี่ยนนิยามความรักก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ในเนื้อหาส่วนนี้ก็จะขอพาคุณไปทำความเข้าใจ “ความรักแต่ละช่วงวัย” มีลักษณะอย่างไร และจะเปลี่ยนผ่านไปช่วงต่อไปได้อย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความรักให้ยืนยาว มัธยมฟีลป๊อปปี้เลิฟ ช่วงนี้นับว่าใคร ๆ ต่างก็ต้องมีป็อปปี้เลิฟที่อาจจะแอบชอบใครสักคน โดยพื้นฐานส่วนใหญ่ในช่วงวัยนี้ของการมีแฟนก็จะกรี๊ดกราดกันที่หน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอก หรือหากใครมีความสามารถด้านดนตรีหรือกีฬาและมีโอกาสได้โชว์อ๊อฟที่โรงเรียนแล้วละก็ สิ่งนี้ดึงดูดให้เพศตรงข้ามพร้อมมอบความรักให้ได้ แต่ที่พบบ่อย ๆ ในวัยนี้คือความสัมพันธ์กุ๊กกิ๊กมักเริ่มจากการเป็นเพื่อน แต่อยู่ ๆ ก็ใจเต้นตึกตักคิดกันเกินเพื่อนซะงั้น คบกันได้ไม่นานพอเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยก็มักจะเลิกลากัน ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปเจอสังคมใหม่ แต่ถ้าไม่อยากเลิกกันก็ต้องหมั่นเติมความหวาน เทียวไปเทียวมาระหว่างมหาวิทยาลัยของทั้งคู่ คุณอาจเข้าไปอยู่ในสังคมของเขาบ้าง หรือชวนเขามาเข้าสังคมของคุณบ้าง ช่วงนี้ต้องมั่นคงไม่หลงแสงสี ก็จะทำให้สามารถรักษาความรักไว้ได้ วัยมหาลัยกับการเปิดโลก หากใครมีความรักช่วงมหาลัยต้องบอกว่าเป็นวัยแห่งการผจญภัยที่เหมือนได้รับอิสระออกโลกกว้าง ดังนั้นการอยากจะมีใครสักคนในช่วงนี้นี่ถือว่าเป็นช่วงกำไรที่เราจะเปิดใจให้กับใครได้มากมาย และก็สามารถปฏิเสธใครได้มากมายเช่นกัน และหากได้คบกันเป็นแฟนช่วงแรก ๆ ในวัยนี้ก็มักหวานหอม บางคู่อาจจะได้มาอยู่ห้องหอร่วมกัน ใช้ชีวิตกินนอนร่วมกัน แน่นอนว่าปัญหาก็จะตามมา ถ้าปรับตัวในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ ก็จะสามารถผ่านช่วงเวลานี้ได้ วัยทำงานเริ่มต้นสิ่งใหม่…
แนะนำแอปพลิเคชัน Digital Signature ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ทุกธุรกิจ
หากได้ยินคำถามว่า.. “ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) และความปลอดภัยในการรักษาข้อมูล สำคัญกับคุณหรือไม่ ?” ในอดีตคุณอาจเมินเฉยกับคำถามนี้ แต่ทุกวันนี้เชื่อว่านี่เป็นคำถามที่ไม่ไกลตัวพวกเราอีกต่อไปแล้ว.. เราทุกคนน่าจะทราบดีถึงผลกระทบหากข้อมูลทางธุรกรรมของเรารั้วไหลบนอินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่ข้อมูลส่วนตัวที่เราถูกคุกคามจากมิจฉาชีพด้วยวิธีต่าง ๆ นานา ท่ามกลางกระแสเทคโนโลยีที่เปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว ปัญหานี้จึงกระทบกับงานระดับองค์กรแน่นอน เพราะเมื่อสเกลใหญ่ขึ้นข้อมูลก็จะต้องใหญ่ตาม ทั้งในเอกสารและในระบบ หลายองค์กรประสบปัญหาหนักใจที่ต้องเสียเวลาทำธุรการเซ็นเอกสารสำคัญ และยังต้องมาระวังภัยคุกคามจากโลกไซเบอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งกระทบต่อความลับทางธุรกิจ สเกลข้อมูลในระดับองค์กรจึงยิ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง จะดีกว่าหรือไม่ ?.. หากปัญหาเหล่านั้นคลี่คลายและไขข้อกังวลใจ พร้อมเพิ่มสภาพคล่องเวลาเซ็นเอกสารให้ได้รับอนุมัติไวทันใจจนผ่านฉลุย ท๊อปอัพด้วยความปลอดภัยสบายใจด้านความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ ที่มาในรูปแบบซอฟต์แวร์สำหรับเดินเรื่องเอกสารผ่านการใช้ระบบ ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ‘Digital Signature’ หรือชื่อที่เราคุ้นหูอย่าง ‘E-Signature’ ที่กำลังมาแรงอยู่นั่นเอง ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ Digital Signature คืออะไร Digital Signature หรือการเซ็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ทุกวันนี้เรียกได้ว่าได้รับความนิยมสูงสุด หากยังไม่โดนเทคโนโลยีอย่างบล๊อคเชนมาปาดแซงหน้าเสียก่อน แต่คงยังไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้ ดังนั้นจึงตะโกนดัง ๆ ได้เลยว่า ระบบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันถือว่ามีประสิทธิภาพสูง แม่นยำ ถูกต้องตามกฎหมาย สะดวกและปลอดภัย มีคนนิยมใช้แพร่หลายทั่วโลก ทั้งองค์กรเล็กและใหญ่ รวมไปถึงกลุ่มหน่วยงานรัฐวิสาหกิจมากมายในประเทศไทย อย่างกรมศุลกากรที่เชี่ยวชาญในการใช้งานระบบพวกนี้มาอย่างยาวนานเพื่อดำเนินการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งลายเซ็นดิจิทัลสามารถแทนที่ลายมือลงนามบนหน้ากระดาษที่เห็นกันเกลื่อนเมืองเมื่อกาลก่อน ด้วยเหตุผลนี้เอง ย่อมช่วยเหล่าองค์กรทำธุรกรรมได้รวดเร็ว ทันใจ ประหยัดเวลาเดินเอกสารให้มากความ ประหยัดงบการจัดการและกำจัดเอกสารกระดาษต่อปีได้อย่างมหาศาลทีเดียว เรียกได้ว่าประหยัดไวทันใจและรักษ์โลกครบจบทีเดียว แอปพลิเคชัน Digital Signature ยังช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้ เพื่อให้ธุรกรรมของคุณเสร็จตามเวลา หรือช่วยให้ธุรกิจของคุณปิดการขายได้สำเร็จตามเป้า (พบว่าบางรายเมื่อมีระบบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วย ก็สามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่าเดิมถึง 75% กันเลยทีเดียว) 3 ซอฟต์แวร์แนะนำ ทั้งลื่นไหลและสะดวก HPE Cohesity HPE Cohesity จัดเป็นซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งที่ตอบโจทย์อย่างมากสำหรับองค์กรที่ต้องการ Data Protection หรือระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล ทั้งจาก On-premise และ Cloud ที่มีลักษณะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองส่วนบุคคลอย่าง ‘PDPA’ และข้อมูลลับเฉพาะภายในองค์กร ซึ่งมีฟังก์ชั่นจัดทำสำเนาข้อมูลขึ้นอีกชุด (Replication) เพื่อใช้สำรองข้อมูล และ Archiving เพื่อรองรับรูปแบบการจู่โจมที่หลากหลายในปัจจุบัน จากเหล่าแฮกเกอร์มือฉมัง Key Functions Sophos…
ทุกคนมีเวลาใน 1 วันเท่ากับ 24 ชั่วโมง แต่ว่าชีวิตและหน้าที่ของเรานั้นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ไม่สามารถจัดแจงเวลาของตัวเองได้ ก็อยากจะขอแนะนำวิธี Work Life Balance ที่จะมาช่วยจัดการชีวิตที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ให้กลับมาเป็นระเบียบ และสามารถมีเวลาว่างเพียงพอให้คุณได้ไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ งานอดิเรกอื่น ๆ หรือจะอยู่กับครอบครัวและคนรอบข้างก็ได้เช่นเดียวกัน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนบ้าง.. เลือกใช้ให้เหมาะปรับใช้ให้เเมชกับคุณ ! รวมวิธีเด็ด Work Life Balance ปรับให้เข้ากับสไตล์คุณ ก่อนอื่นต้องบอกว่าการ Work Life Balance ของแต่ละคนจะไม่มีทางเหมือนกัน แต่จะมีวิธีการหรือสูตรสำเร็จที่คล้ายกัน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในแบบที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคุณได้ ซึ่งสูตรที่จะแนะนำต่อไปนี้นับว่าเป็นวิธีที่นิยมที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ และแต่ละสูตรก็มีประสิทธิภาพมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือจำเป็นต้องเริ่มที่การ ปรับ mindset หรือกรอบความคิดของตัวเองให้ได้ก่อน จำไว้ว่า.. มิติของชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่เรื่องงาน แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะถ้าหากปรับ mindset ไม่ได้ ต่อให้สูตรใด ๆ วิเศษแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จอย่างแน่นอน 1. สูตรแบ่งเวลา 8 + 8 + 8 = 24 ชั่วโมง สูตรแรกนับว่าเป็นนาฬิกาชีวิตที่ทุกคนพอจะรู้จักกันอยู่แล้ว นั่นก็คือ นอนหลับเป็นเวลา 8 ชั่วโมง , ทำงาน 8 ชั่วโมง และทำกิจกรรมอื่น ๆ อีก 8 ชั่วโมง วิธีนี้ถือเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดแล้วของการทำ Work Life Balance แต่จะต้องกำหนดเวลาในแต่ละส่วนให้ชัดเจนอย่างดี ไม่มีการผ่อนผันหรือผ่อนปรนใด ๆ ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น 2. สูตร Eisenhower Matrix สูตรนี้นับว่าเป็นสูตรที่ใครหลายคนเลือกใช้ และสามารถการันตีได้เลยว่าชีวิตของคุณจะมีระเบียบ มีวินัย และสามารถไล่ลำดับความสำคัญได้เป็นอย่างดี สูตร Eisenhower Matrix คุณจะต้องเตรียมเครื่องมือหรือกระดาษมาแบ่งออกเป็นตาราง 2×2 หรือ 4 ช่อง ที่ประกอบไปด้วยคำคุณศัพท์ของงาน คือ…
เคยสงสัยกันไหมว่า.. ทำไมรถเข็นไอศกรีมถึงใช้เสียงกระดิ่งดังกรุ่งกริ่งทุกครั้งเมื่อต้องตามบ้านใครต่อใครในยามเย็น และเคยรู้สึกประหลาดใจบ้างไหมว่าทำไมเสียงเพลงในร้านอาหารหรือคาเฟ่ถึงมีอำนาจดึงดูดให้ลูกค้านั่งอยู่กับที่แม้จะกินอาหารเสร็จแล้วก็ตาม คนออกกำลังกายในฟิตเนสเสมือนถูกแรงกระตุ้นจากเสียงเพลงเร้าใจให้มีพลัง หรือหากคุณเป็นหนึ่งในหลายแสนล้านคนบนโลกที่พรั้งเผลอด่วนซื้อของโดยไม่สนราคาแสนแพงของสินค้าชิ้นนั้น บางทีคุณอาจตกอยู่ภายใต้อำนาจสะกดของเสียงเพลงเสียแล้ว Music Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่หลายธุรกิจหยิบใช้แล้วได้ผลมานาน กระทั่งโซเชียลมีเดียเข้ามาในชีวิตเราแบบเต็มตัว เมื่อนั้นเองที่จังหวะสะกดใจคนฟังเริ่มเปลี่ยนไป.. Music Marketing หากแค่เพียงการใช้เมโลดี้อันไพเราะร่วมคำร้องที่กังวาลก้องร้าน ไม่อาจช่วยให้คุณเข้าใจวิธีใช้มันได้ดียิ่งขึ้น แน่นอนว่าหากคิดจะใช้เสียงเพลง เราก็ต้องฟังเสียงของความเงียบให้เป็น แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น หลายคนคงพิศวงกับเจ้ากลยุทธ์เสียงเพลงนี้พอสมควร งั้นเรามารู้จักและเจาะลึกถึงเจ้าสิ่งนี้ไปพร้อมกัน Music Marketing คืออะไร Music Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ ‘เสียงเพลง’ เป็นเครื่องมือหลักสำหรับดึงดูด จูงใจและเสริมแรงพฤติกรรมผู้บริโภคให้เป็นไปตามที่ธุรกิจนั้นต้องการ ซึ่งตามกระบวนการรับรู้เสียงเพลงของสมองมนุษย์ เพลงมีบทบาทสำคัญคอยกระตุ้นสมองส่วนระบบเสริมแรงและให้รางวัล (Reward System) ซึ่งมีสารสื่อประสาทแห่งความสุขที่ชื่อ ‘โดปามีน’ (Dopamine) เป็นตัวเดินหลักของเกม แน่นอนว่าด่านแรกเมื่อคนได้ยินเพลงเพราะจะรู้สึกเป็นสุขสบายกาย ขณะเดียวกันก็เป็นตัวเสริมแรง (Reinforcement) กระตุ้นความอยากให้ผู้นั้นทำพฤติกรรมบางอย่างเพื่อเพิ่มความสุขให้พุ่งทะยานสูงปรี๊ดถึงระดับที่เรียกว่า Euphoria (เดี๋ยวเราจะพูดถึง ตัวเสริมแรง กันต่อในหัวข้อถัดไป) โดยกลยุทธ์นี้มีจุดมุ่งหมายด้านการตลาดดังต่อไปนี้ Euphoria เป็นภาวะความสุขสมหวังจนรู้สึกโล่งอกเบาหวิวและลืมตัวไปชั่วขณะ ซึ่งคล้ายกับอาการคนเคลิบเคลิ้มเวลาเสพสารเสพติด ภะเว้อภวังค์ในรัก หรือการถึงจุดไคล์แม็กซ์ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ที่หลายคนเรียกติดปากว่า ‘ฟิน’ 1. Branding ใช้เป็นตัวร่วม (Factor) สำหรับสร้างเสริมตัวตนของแบรนด์ให้เด่นชัดขึ้น มีสไตล์เอกลักษณ์ น่าดึงดูดให้เข้ามาใช้บริการทั้งนี้ข้อมูลสำรวจจาก Brand Channel และ HUI Research พบว่ากว่า 96% ของแบรนด์ที่ใช้เพลงที่เข้ากับสไตล์ของแบรนด์ช่วยให้ผู้คนจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 9% ตัวอย่างที่ทุกคนคุ้นเคยดีอย่างคือ รถไอศกรีมวอลกับเสียงเพลงที่ได้ยินทุกครั้งก็นึกถึงความสุขและความสดชื่น 2. Promoting ใช้เพลงเป็นตัวเร่ง (Catalyst) พฤติกรรมลูกค้าให้ซื้อหรือใช้บริการในร้านมากขึ้น จะพบมากในกรณีของร้านอาหารและคาเฟ่ คุณคงทราบดีหากเคยเข้าร้านสตาร์บัคและมักจะได้ยินเพลย์ลิสต์ที่ให้ความรู้สึกชิลและผ่อนคลาย ชวนให้นั่งตัวลอยอยู่ในร้านได้ทั้งวัน 3. Loyalizing สร้างความภักดีหรือความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและคงทนระหว่างแบรนด์กับกลุ่มลูกค้า ลูกค้าจะภูมิใจและรู้สึกพิเศษกว่าใครในทุก ๆ ครั้งเมื่อเข้ามาในร้านหรือใช้บริการ เช่น เสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ ในสปา ให้คุณรู้สึกพิเศษกว่าใครเมื่อเข้าใช้บริการนวดของแบรนด์ดังอย่างปันปุริ Don’t Forget !!! อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรคิดก่อนเลือกเพลงเพื่อดันการตลาด ก็คือเรื่องของบุคลิกภาพแบรนด์ (Brand Personality) หากเราเข้าใจตัวเองว่าเราคือใคร…
ยุคนี้นับว่าเป็นยุคแห่งการทำ Content Marketing เพื่อให้เกิดไวรัล ไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร บทความ วลีเด็ด คำคม แบนเนอร์ คลิปวีดีโอ ที่มีเป้าหมายเพื่อให้เป็นที่ถูกตาต้องใจของผู้ชม เน้นสร้างความโด่งดัง สร้างชื่อเสียง รวมถึงการสร้างยอดขาย โดยใช้เวลาในการปั้นคอนเทนต์ไม่นาน เพราะจะต้องรวดเร็ว ฉับไว และทันกระแสที่กำลังบูมในขณะนั้นได้ โดยการสร้างสรรค์คอนเทนต์มีหลากหลายวิธีที่จะช่วยทำคอนเทนต์ปัง ๆ โดยคุณสามารถเริ่มได้จากสิ่งนี้.. วิธีทำ Content ให้ปังโลกไม่ลืม ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ในการทำ Content Marketing ให้ดีนั้นจะมีวิธีการหรือเครื่องมือช่วยในการสร้างสรรค์มากมาย แต่การสร้างสรรค์นั้นก็มีวิธีการหลายอย่างที่จะช่วยทำให้คอนเทนต์ของคุณประสบความสำเร็จ โดยต้องเริ่มจากฐานของคอนเทนต์จะต้องแน่นก่อน ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งคอนเทนต์ของคุณหรือแบรนด์ของคุณจะสามารถอยู่บนยอดพีระมิดได้ โดยวิธีการที่ว่านั้นมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. ทำให้ใคร เจาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสาร ก่อนอื่นในการทำ Content Marketing จำเป็นอย่างมากที่จะต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะเสพสื่อของคุณนั้นเป็นแบบใด ยิ่งสามารถเจาะลึกได้มากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของคอนเทนต์ก็สามารถเพิ่มได้มากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ทำร้านอาหารอีสาน ในเบื้องต้นจะต้องรู้ เพศ ช่วงวัย รายได้ของกลุ่มเป้าหมาย ทำเลที่ตั้ง ราคาอาหาร รวมไปถึง Mood & Tone ของร้านว่ามีลักษณะแบบไหน ซึ่งขั้นตอนนี้ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทำพร้อม ๆ กับคาแรกเตอร์แบรนด์ หรือ Brand Archetypes ที่คุณอาจวางกำหนดเอาไว้ 2. ทำไปทำไม วัตถุประสงค์ของการทำคอนเทนต์ ส่วนนี้นับเป็นสิ่งสำคัญในการทำ Content Marketing จำเป็นต้องรู้ โดยวัตถุประสงค์ในการทำอาจเป็นการสื่อสารทางตรง หรือสื่อสารทางอ้อมก็ได้ โดยวัตถุประสงค์ยกตัวอย่างเช่น ทำโปรโมชั่นขายเพื่อเคลียร์ของเก่าออก , การสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ด้วยการช่วยเหลือสังคม , การทำละครสั้นลง TikTok เพื่อ Tie In สินค้า , อยากให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น , อยากทำคอนเทนต์นำเทรนด์เพื่อให้เกิดไวรัล มีการติดตาม และยอดแชร์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรกำหนดให้ชัดเจน โดยจะต้องลือกเพียงจุดประสงค์เดียว เพื่อให้การสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน 3. ทำแบบไหน (ที่ถนัด) เลือกประเภทของคอนเทนต์ที่จะทำ ในส่วนนี้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก ว่าสิ่งที่ต้องการอยากจะเสนอเป็นอย่างไร โดยยุคนี้จะนิยมการทำ Digital Marketing ที่จะมีลักษณะสื่อมากมายที่ทุกคนสามารถเลือกใช้ได้อย่างเต็มที่…
การมีชีวิตคู่กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก แต่การมี “คู่ชีวิต” ที่รวมหัวจมท้ายไปด้วยกันเป็นอะไรที่ยากกว่า และการที่จะเป็นเช่นนั้น มันต้องเกิดขึ้นจากคนสองคน ที่ต้องทำความเข้าใจกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน และมีหัวใจให้กันและกัน นับเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะหาคน ๆ นั้นเจอ บางครั้งก็ทำให้ชีวิตถึงกับเป๋ไปอีกทาง แต่ถ้าหากมีคู่ที่ดีมาก ๆ ก็นับว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง ที่คุณอาจได้พบอะไรที่เหนือความคาดหมาย แล้วการมีคู่ชีวิตที่ดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่งอย่างโบราณว่าไว้นั้นจริงหรือ ? ไปหาคำตอบกัน !.. If you live to be a hundred, I want to live to be a hundred minus one so I never have to live without you.ถ้าเธออยู่ถึงร้อยปี ฉันอยากอยู่ให้ได้แค่ร้อยลบหนึ่งวัน เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องอยู่โดยไม่มีเธอแม้แต่วันเดียว มีคู่ชีวิตดี..มีชัยไปกว่าครึ่ง ใช่เรื่องจริงหรือ ?! ถ้าหากคุณสังเกตคนที่เป็นคนใหญ่คนโต หรือคนดังไม่ว่าจะสายอาชีพไหน ส่วนใหญ่พวกเขาจะมีคนอีกคนคอยอยู่เคียงข้างเสมอ และช่วยกันผลักดันกันและกัน จนนำไปสู่เป้าหมายที่ทั้งสองได้ตั้งไว้ และทำให้ประสบความสำเร็จมากมาย ยกตัวอย่างคู่รัก Workaholic อย่าง บารัค โอบามา และมิเชลล์ภรรยาของเขา ที่คอยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนนี้เสมอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจเลยว่าทำไมเขาทั้งสองถึงกลายเป็นคู่ชีวิตที่ดี..มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะทั้งคู่ต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการพัฒนาประเทศตอนที่ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้เป็นไปอย่างครรลองครองธรรม จนมิเชลล์ได้รับฉายา “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง” ไปอย่างไม่มีที่ติ ซึ่งนับว่าเป็นคู่สร้าง คู่สมที่เหมาะเป็นตัวอย่างของคนทั้งโลก วิธีสังเกตคู่ชีวิตที่ดี ตามหลักศาสนาพุทธ จากคำตอบที่ได้ก่อนหน้านี้ว่า “มีคู่ชีวิตที่ดี..มีชัยไปกว่าครึ่ง” นับว่าเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่ดีของแต่ละคนก็จะนิยามแตกต่างกันไป เพราะเราทุกคนบนโลกใบนี้ไม่มีทางเหมือนกัน และเรื่องสิ่งที่ดีหรือไม่ดีนั้น สามารถสังเกตกันได้ยากแบบสุด ๆ เลยจำเป็นต้องนำหลักศาสนาพุทธที่ได้มีการระบุชัดเจนว่า ถ้ามีชีวิตคู่ที่ “สม” กันจะต้องมี 4 อย่างนี้เหมือนกัน โดยรายละเอียดมีดังต่อไปนี้ 1. ศีล สำหรับใครที่นับถือศาสนาพุทธ อาจจะรู้จักคำว่า “ศีล 5” กันอยู่แล้ว โดยศีลที่ว่านี้ คือ…
เชื่อว่าหากคุณได้ยินคำว่า Personalized marketing แล้วคงรู้สึกงุนงง นึกภาพไม่ออกว่ามันคืออะไร.. ขอให้คุณลองนึกถึงตอนคุณไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตครั้งล่าสุด บรรยากาศร้านค้าที่สะอาดสบายตา คุณภาพสินค้าที่ดี แพคเกจจิ้งน่าหยิบใช้ มีให้เลือกหลายหลาย รวมไปถึงการต้อนรับของพนักงาน รอยยิ้ม น้ำเสียง ท่าทาง และการใช้สรรพนามเรียกเราว่า “คุณลูกค้า” “คุณท่าน” “คุณ…” ที่ฟังแล้วรู้สึกเป็นคนพิเศษ คล้ายแสงเทียนที่จุดสว่างวาบกลางใจให้เรานั้นอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่มาเยือน ถ้าเป็นเมื่อก่อน การที่ภาคธุรกิจใส่ใจลูกค้าถึงเพียงนั้นก็คงจะเพียงพอแล้ว แต่สำหรับยุคนี้น่าเสียดายนักที่ความใส่ใจนั้นไม่พอเสียแล้ว.. ยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาแทรกซึมแทบจะทุกกระบวนการในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ และต้องการความรวดเร็วทันใจเป็นปัจจัยสำคัญ เช่นเดียวกับเมื่อคราวก่อนเราพูดถึงการสร้างบุคลิกของแบรนด์ผ่าน Brand Archetypes ให้น่าดึงดูดและง่ายต่อลูกค้าที่จะเข้าหา เปรียบเสมือนปฐมบทแรกเริ่มการกำหนดทิศทางการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านแบรนด์ ว่าธุรกิจของเรามีตัวตนให้คนจดจำอย่างไร ทว่าครั้งนี้เราไปไกลกว่านั้น.. เมื่อเหล่านักการตลาดเห็นความสำคัญของ Personalized Marketing ที่เปรียบได้กับกลยุทธ์การใส่ใจลูกค้าให้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน เรื่องนี้จึงน่าสนใจขึ้นมาทันที หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนการตลาดและธุรกิจ การดึงประโยชน์จากสิ่งนี้ไปใช้งานให้เหมาะสมกับคุณที่สุดจึงสำคัญมากในยุคนี้.. Personalized Marketing คืออะไร Personalized Marketing หรือ Personalization คือกลยุทธ์การตลาดแบบหนึ่งที่เน้น ตอบสนองความสนใจ “ตามแต่ละบุคคล” เป็นหลัก โดยอิงอาศัยข้อมูลที่ได้รวบรวมมาวิเคราะห์และปรับใช้กับกลุ่มลูกค้าผ่าน Martech (Marketing Technology) อย่างไรก็ดี การทำตลาดเฉพาะบุคคลสร้างข้อได้เปรียบแก่ธุรกิจหลากหลายประการด้วยกัน ประโยชน์ของกลยุทธ์ Personalized Marketing แม้เราจะล่วงรู้ถึงข้อดีที่ได้จากการใช้กลยุทธ์ดังกล่าว ทว่าหลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ทีนี้เราจะค่อย ๆ ทำความเข้าใจไปทีละ Steps ว่าทำอย่างไรบ้างตามลำดับ เริ่มจาก.. วิเคราะห์จุดแข็งตัวเองเสียก่อน SWOT Analysis เป็นเครื่องมือที่ยืนหนึ่งในใจเจ้าของกิจการและนักการตลาดหลายคน เพราะนอกจากจะช่วยเราสำรวจตัวเองและสถานการณ์รอบข้างได้ครอบคลุมแล้ว ยังช่วยเราวิเคราะห์คู่แข่งก่อนตัดสินใจทำบางสิ่งอย่างรอบคอบอีกด้วย ทั้งนี้เรามาดูกันว่า SWOT Analysis มีอะไรบ้าง องค์ประกอบของ SWOT Analysis เมื่อพิจารณาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคของธุรกิจไว้รอบด้านแล้ว เราสามารถใช้ประโยชน์จากการสำรวจครั้งนี้พลิกข้อด้อยเป็นข้อเด่นได้ภายใต้สภาวะแห่งโอกาสและวิกฤตซึ่งเป็นเงาตามตัวได้ลื่นไหลรวดเร็ว นำเสนอให้ตรงใจลูกค้า Data สำคัญมาก ! ในปัจจุบันการเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำมาวิเคราะห์ความต้องการเชิงลึกนั้นจัดเป็น “ไพ่ตาย” ที่ตัดสินความเป็นอยู่ของธุรกิจในอนาคตอย่างมาก กิจการบางแห่งอาจพบว่าการเติบโตทางการตลาดได้ถึงช่วงอิ่มตัวสักพักใหญ่ และมีแนวโน้มว่าจะถดถอยลง ก่อนเวลานั้นจะมาถึง การหันมาใส่ใจฐานลูกค้าเก่า เก็บข้อมูลจำเพาะของลูกค้า เพศ อายุ ที่อยู่ ความชอบ ความสนใจของเขาให้มากกว่าเดิมนั้นเป็นทางเลือกที่ดี…
ไม่มีใครทำอะไรแบบเดิม แล้วได้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไป การ “คิดบวก” หรือพยายามเปลี่ยนแปลงความคิดไปในเชิงบวก เป็นองค์ประกอบของการรักตัวเอง เพื่อให้คุณกลายเป็นคนที่ดีและมีความสุขกว่าเมื่อวาน หากในทุกวันนี้.. คุณเป็นคนนึงที่คิดอะไรติดขัด สมองไม่แล่น เจรจาไม่คืบหน้า ความสัมพันธ์ดำดิ่ง ไม่เป็นตามความคาดหวัง และสวนทางกับแรงพยายามที่ทุ่มเทลงไป ลองปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิด คิดบวกให้มากขึ้น เปิดรับความรู้หลายแขนง ยอมรับการเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากที่จะลองรับข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณา และนี่เป็นข้อมูลสาระเพื่อเปิดมุมมองใหม่ ๆ นำมาแบ่งปันสำหรับคนที่อยากไปดาวอังคารโดยไม่ต้องรอขึ้นยานของ Space X เรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองไปพร้อมกัน ที่บางส่วนเรียบเรียงมาทั้งหมด 10 อย่าง จากหนังสือ Good Vibes, Good Life ของ เว็กซ์ คิงส์ คุณไม่จำเป็นต้องทำให้ได้ทั้งหมด ลองอ่านและเลือกทำจากสิ่งที่ง่ายที่สุดเป็นลำดับแรกก่อน ขอบคุณให้เก่ง เริ่มต้นด้วยการกระทำง่าย ๆ แต่มีอิมแพ็คสูง เพราะการรู้สึกขอบคุณนั้นทำได้ง่ายและทันที ไม่มีใครรู้สึกแย่ ในขณะที่รู้สึกขอบคุณ การรับรู้เรื่องดี ๆ ในแต่ละวันและรู้สึกขอบคุณกับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตจะทำให้คุณเห็นแสงสว่าง และมองสิ่งรอบข้างในแง่ดีได้อย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะบ่นว่าอ้วน.. ลองนึกดูว่าบางคนยังไม่มีแม้อาหารให้กิน ก่อนจะบ่นเรื่องงาน.. บางคนอาจไม่มีแม้กระทั้งเงิน ก่อนจะบ่นเรืองทำความสะอาดบ้าน.. ตระหนักให้ดีว่าบางคนไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่อาศัย อยู่กับคน “คิดบวก” วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าพลังงานถ่ายทอดกันได้ ดังนั้นการอยู่ท่ามกลางคนคิดบวกคือคีย์เวิร์ดสำคัญ เอาตัวเองไปอยู่รอบ ๆ คนที่รู้สึกดีกว่าคุณ ให้พลังบวกของพวกเขาซึมซับไปที่คุณ เวลารู้สึกไม่ค่อยดี พยายามอยู่ใกล้คนที่รู้สึกดีไว้ คนร่าเริง คนที่เราไว้ใจ คุณจะดูดซับพลังงานบางส่วนจากพวกเขาได้ ทำตัวคุณให้เหมือนสาหร่ายสีเขียวที่คอยดูดซับพลังงานจากพืชชนิดอื่น พวกเขาเหล่านั้น กลุ่มคนคิดบวกมักให้มุมมองเกี่ยวกับปัญหาของเราได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากเขามีอารมณ์เป็นบวก จึงมีแนวโน้มที่จะมีวิสัยทัศน์เชิงบวกต่อสิ่งที่เรากำลังเผชิญ โดยจะพยายามมองหาข้อดีของปัญหานั้น ๆ และให้เรายกระดับความรู้สึกหันไปจดจ่อกับสิ่งอื่นที่ช่วยยกระดับความรู้สึกมากกว่า ดังนั้นขอให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืนกับคนคิดบวกไว้เสมอ เมื่อคุณใช้เวลากับคนที่เพิ่มคุณค่าให้ชีวิตและทำให้อารมณ์ดีขึ้น คุณก็จะรับรูปแบบการคิดที่ให้กำลังใจมาที่ตัวเองโดยไม่รู้ตัว และถ้าคุณสัมผัสอารมณ์เชิงบวกอยู่เรื่อย ๆ จากการอยู่กับคนคิดบวก.. คุณเคยได้ยินเรื่องกฎของแรงดึงดูด (Law of attraction) ใช่หรือไม่ ?.. นั่นแหละ คุณก็จะดึงดูดคนคิดบวกเข้ามาในชีวิตมากขึ้น และส่งเสริมให้รอบตัวเรามีแต่ความรู้สึกดี ๆ หากคนรอบข้างคุณก็ส่งต่อพลังบวกของเขาไปยังผู้อื่นต่อไปเช่นกัน แผ่ขยายไปไม่รู้จบ และใช่.. นั่นคือสังคมในอุดมคติ ที่สามารถเริ่มได้จากสังคมเล็ก…
ไม่ว่าจะวิกฤตการณ์ สงครามและการเมืองจะร้อนระอุเพียงใด แต่ที่อยู่เหนือกาลเวลาทั้งหมดทั้งปวงก็ไม่เป็นอื่นมากไปกว่าความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์ หากผู้คนยังคงต้องบริโภคสิ่งต่าง ๆ เพื่อจะมีชีวิตต่อไป การตลาดก็เป็นสิ่งสากลกาลที่หลายธุรกิจต้องรับนำไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ และล่าสุด Forbes นิตยสารธุรกิจการเงินชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับ Krista Neher ผู้นำด้าน Digital Marketing ระดับโลก ได้รวบรวมข้อมูลและคาดการณ์แนวโน้มของการตลาดที่จะเกิดขึ้นในปี 2023.. และวันนี้เราได้สรุปข้อมูลเหล่านั้นมาอย่างง่าย ๆ เพื่อให้คุณได้เตรียมพร้อมรับมือกับเทรนด์การตลาดปี 2023 ที่มีทั้งของใหม่มาแรงและของเก่าที่ยังเปรี้ยงปังอยู่ ดังต่อไปนี้ 7. Metaverse หนึ่งในเทรนด์เทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุน Digital Marketing ที่กระแสมาแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 จนปี 2023 แน่นอนว่าหนีไม่พ้น Metaverse เจ้าดิจิตัล เทคโนโลยีตัวนี้ช่วยเพิ่มประสบการณ์แห่งการดื่มด่ำและได้อรรถรสที่หลากหลายยิ่งขึ้น จนบางคนยังจินตนการการใช้งานไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าเป็นอย่างไร เพียงอาศัยเทคโนโลยีล้ำยุคอย่าง VR (Visual Reality) และ AR (Augmented Reality) ก็สามารถพาตัวเองล่องลอยไปยังร้านค้าแห่งใดก็ได้บนโลก ผ่านร่างตัวแทนที่เรียกว่า Avatar โดยในปัจจุบันแบรนด์ยักษ์ใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน เช่น Starbucks, Nike, Coca-Cola ต่างเริ่มหันเหให้ความสนใจเรื่องการทำการตลาดบน Metaverse ซึ่งนับว่าเป็นเทรนด์ใหม่ที่พลิกโฉมวงการตลาดไปตลอดกาล และแน่นอนว่า “รู้ก่อน ใช้ก่อน ย่อมได้เปรียบ” ธุรกิจของคุณอาจจะครองตลาดใหม่ ๆ ได้ในอนาคตหากรู้เรื่องการทำตลาดบน Metaverse 6. Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์ (AI – Artificial Intelligence) เป็นสิ่งกล้าฟันธงได้เลยว่า.. ต่อแต่นี้ทุกองค์กร “จำเป็น” ต้องมี เพราะด้วยอำนาจแห่งการคิดวิเคราะห์ที่ทรงพลังกว่ามนุษย์ จึงยังคงเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่ยังเป็นกระแสต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีเทคโนโลยีที่เกินขอบเขตความคิดจินตนาการของมนุษย์เข้ามาแทนที่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีอะไรมาทดแทน ดังนั้น ณ วันนี้หลายธุรกิจควรต้องใส่ใจ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันได้นำปัญญาประดิษฐ์และอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตเสียแล้ว แน่นอนล่ะว่าด้วยลักษณะของผู้บริโภคเช่นนี้ ย่อมเอื้อให้นักการตลาดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล เพื่อใช้ในการวางแผนจัดทำแคมเปญต่าง ๆ และวัดผลลัพธ์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบนพื้นที่สื่อโซเชียลมีเดีย ด้วยเหตุนี้เองที่ Martech หรือ Marketing Technology จึงเป็นเสมือน ‘ผู้ช่วย’ ยามยากที่ช่วยให้คุณสามารถทำการตลาดด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าจำนวนมหาศาล…
ปรับ mindset เปลี่ยนความคิด เสริมแกร่งความสัมพันธ์ดี ๆ กับเพื่อนและครอบครัว คุณเป็นคนนึงหรือเปล่า ? ที่กำลังโฟกัสกับเป้าหมายส่วนตัว หรืออาจจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเรียนเป็นหลัก บางครั้งให้ความสำคัญและใช้เวลาส่วนมากในแต่ละวันไปกับโลกโซเชียล จนหลายต่อหลายครั้งละเลยสิ่งสำคัญที่สุดในโลกความจริงของคนเราไป นั่นก็คือ “ความสัมพันธ์” ไม่ว่าจะกับคนในครอบครัว คนรัก เพื่อน หรือบุคคลใกล้ชิด ดังนั้น หากใครคนนั้นคือคุณหรือเกือบจะเป็นคุณแล้วละก็.. วันนี้ฤกษ์งามยามดี “6 Missions to the Moon” ให้คุณลอง ปรับ mindset ตัวเองต้อนรับปีใหม่กันดีกว่า เพื่อเสริมแกร่งความสัมพันธ์ดี ๆ ที่จะช่วยเติมเต็มความสุขที่แท้จริงให้กับคุณและคนรอบข้างได้อย่างดี (มี Easter Egg ตอน End Credit) Start Mission Campaign เริ่มที่ตัวเอง.. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้วยการ “ปรับ mindset” ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าการสร้างความสัมพันธ์ มักเป็นเรื่องของคนสองคน หรือกลุ่มคนหลายคน การจะเปลี่ยนให้ทุกคนมาได้ดั่งใจคุณเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ดังนั้นการปรับ mindset ที่ตัวคุณเองก่อนจึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สิ่งสำคัญคือคุณต้องกล้าเปิดใจ ระงับอีโก้ และให้ความสำคัญกับความรู้สึกตัวเอง ต้องรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และยึดมั่นในสิ่งไหน เมื่อตั้งจุดตรงนี้ได้แล้ว คุณก็สามารถเริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นได้เลย โดยลุยไปพร้อม ๆ กันกับ 6 ด่านภารกิจสำคัญดังต่อไปนี้ 1st Mission ปรับความเข้าใจเพื่อเรียนรู้ “ตัวตนที่แท้จริง” ความคิดของคนส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นที่ว่า “ทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนั้น” “ทำไมเขาถึงคิดแบบนี้” “ทำไมเขาไม่เป็นในแบบที่คุณชอบ” ซึ่งการเกิดคำถามเหล่านี้แสดงว่าคุณยังไม่เริ่มเปิดใจในการทำความเข้าใจตัวตนที่แท้จริง ดังนั้นการปรับ mindset ข้อนี้จึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก โดยการพยายามเข้าใจ “ตัวตนที่แท้จริง” ของใครสักคน จะเท่ากับ การพยายามทำความเข้าใจ “ภูมิหลัง” ของคน ๆ นั้น หรือพยายามหาสาเหตุว่าทำไมคน ๆ นั้นเกิดความคิด เกิดความรู้สึก เกิดพฤติกรรมแบบนั้น ถ้าหากจับจุดตรงนี้ได้ คุณจะเข้าใจคน ๆ นั้นได้มากยิ่งขึ้น 2nd Mission ปรับการแสดงความรู้สึกให้เป็นในเชิงบวก…