*Trendy Now

ชั่วโมงนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความร้อนแรงของ House of the Dragon ซีรีส์ยอดนิยมส่งท้ายปี ดีไม่แพ้ซีรีส์ในสตอรี่ไลน์เดียวกันอย่าง Game of Thrones และเชื่อไหมว่า.. เพียงแค่ซีซันที่หนึ่งก็สามารถโกยสกอร์จากบ้าน imdb ไปถึง 8.6/10 และจาก Rotten Tomatoes 86% หากคุณเป็นคนนึงที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้ว จะเห็นว่าตัวละครใน House of the Dragon มีความโดดเด่นและบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของตัวละครนึงมักพาคุณไปเจอประเด็นต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้น ซับซ้อนแต่ก็สอดประสานกันได้อย่างสนุก…

*รักโลก รักสุขภาพ

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย…

Business knowledge 77%
Technology 71%
Self development 90%
Potential improvement 86%

Athena new release

ถอดบทเรียน “ธุรกิจเจ๊ง” เช็คความเสี่ยงว่าธุรกิจคุณเข้าขั้นวิกฤตแล้วหรือยัง ? ปกติแล้วบทความส่วนใหญ่จะให้หนทางทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ พร้อมแนะนำเคล็ดลับต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าหากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจหรือทำธุรกิจแล้วกำลังประสบกับความเสี่ยงในการทำให้ ธุรกิจเจ๊ง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? Convincing จิตวิทยาและวาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจ “เคล็ดลับ! การโน้มน้าวใจคนให้สำเร็จ ด้วยเทคนิคเชิงจิตวิทยาและศิลปะการพูด”หลักการและเหตุผลการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันหลากหลายองค์กรต่างเห็นความสำคัญถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์”บุคลากร”ทางด้านทัศนคติกระบวนการความคิดให้เกิดความสุขในการทำงาน องค์กรจึงต้องนำศาสตร์และศิลป์ทางจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในการวางแผน บริหารจัดการ การจูงใจ การเจรจาต่อรอง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? หลักสูตร Generative AI for Productivity เรียนออนไลน์ผ่าน Zoom Meeting…

เปิดรับสมัครแล้ว คอร์สเรียนออนไลน์ “ก้าวแรกสู่ การพูดในที่สาธารณะ” คอร์สเรียนทักษะการพูดในที่สาธารณะที่โฟกัสตรงจุด ทำให้คุณพัฒนาทักษะการพูดเป็นเร็วขึ้น SPEAK SPARK ได้กลั่นกรอง “ศาสตร์และศิลป์”…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลงานขององค์กรเพื่อให้ได้งานเชิงพัฒนามากขึ้น หลายองค์กรได้เลือกทำการปรับปรุงแนวทางการกำหนดตัวชี้วัดผลงานเช่น KPIs โดยเปลี่ยนไปเป็นการตั้งเป้าหมายในเชิงพัฒนา รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดผลงานแบบที่มุ่งเหตุที่ทำให้เกิดผล และผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการ มากกว่าที่จะตั้งตัวชี้วัดผลงานแบบงานประจำ และตัวชี้วัดผลงานที่มุ่งวัดผลเบื้องต้นเท่านั้น…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? ทําความรู้จักกับไคเซ็น (KAIZEN) เครื่องมือที่ช่วยในการทําไคเซ็นในสํานักงาน หมวดหมู่ งานบุคคล HR การทำงาน…

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย ตลอดจนการลงทุนาสร้างโปรเจคอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไร และแน่นอนว่ามันคีพคูลเข้ากับเทรนด์ Eco Friendly ในเจเนอเรชั่นนี้มาก…

บนโลกนี้มีปัญหามากมายให้มากระทบให้เราก้าวข้ามผ่านไป แต่บางครั้งปัญหาก็ถาโถมเข้าใส่จนทำให้เกิด “ความรู้สึกดาวน์” หรืออาการจิตตก หลายครั้งหลายคนสามารถก้าวข้ามภาวะนั้นได้ด้วยตัวเองผ่านประสบการณ์หรือความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ทำเช่นนั้นได้ จนหลายครั้งความรู้สึกยิ่งดำดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ กว่าจะดึงสติไหวตัวทัน ความคิดก็พาโลดแล่นไปไกล.. ในบทความนี้เราจึงปรารถนาพาทุกคนไปลองสังเกตตัวเองเบื้องต้น เพื่อให้รู้เท่าทัน และรู้วิธีทางป้องกันตัวเองให้ไม่ไถลลึกลงไปตามความรู้สึกดาวน์นั้น *ข้อสำคัญ* คุณไม่จำเป็นเร่งรีบกับสิ่งนี้ หรือคิดว่าต้องทำมันให้ได้ทั้งหมด ให้คุณผ่อนคลายและเพียงแค่เลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวคุณ คุณอาจจะเป็นคนที่ “อัพ” ผ่านตรงนี้ไปได้อย่างงดงาม “Your story isn’t over” ลองสังเกต.. ความรู้สึกดาวน์ เกิดขึ้นได้อย่างไร ? ความรู้สึกดาวน์ของแต่ละคนมีลักษณะหลากหลายแตกต่างกันไป แต่โดยส่วนมากแล้วจะเป็นความรู้สึกเชิงลบ รู้สึกเหงา เศร้า หดหู่ จมอยู่กับโลกแห่งความคิด ไม่อยากออกไปไหน ไม่อยากพบเจอใคร ไม่อยากทำอะไร แม้แต่สิ่งที่ตัวเองชื่นชอบก็ไม่สามารถทำได้ และถ้าถามว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ? ต้องบอกเลยว่าเกิดได้หลายสาเหตุมาก ทั้งเหตุการณ์ที่เผชิญหน้าโดยตรง หรือเหตุการณ์ของคนอื่นที่มากระทบ บรรยากาศที่ชวนหดหู่ รวมถึงการมองดูสิ่งเก่า ๆ ที่อาจจะเคยเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อจิตใจของคุณ ก็จะทำให้เกิดอาการจิตตกนี้ได้ หากคุณเข้าใจ “จุดกำเนิด” และ “รู้เท่าทัน” ในการรับรู้ความรู้สึกนี้ได้ สิ่งนั้นจะช่วยเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถก้าวข้ามผ่านความรู้สึกดาวน์นั้นไปได้ รู้ตัว รู้ใจ รู้ทัน ความรู้สึกดาวน์ ก่อนเสี่ยงซึมเศร้า อย่างที่บอกไป.. คุณไม่จำเป็นต้องเร่งรีบทำมันให้ได้ทั้งหมด สำคัญคือต้องผ่อนคลาย และเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของคุณควบคู่กันไป ดังนั้นทริคในส่วนนี้จะเป็นวิธีที่ทำให้เรารู้ตัว รู้ใจ รู้ทัน ตัวเอง อีกทั้งยังสามารถ “หลีกเลี่ยง” ความรู้สึกดาวน์ ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ไม่ก็หายจากความรู้สึกดาวน์นั้นได้เลย เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะต้องทำอย่างไร 1. “อย่า” หาคำตอบจากความคิด ในทุกครั้งที่คุณอินกับความรู้สึกดาวน์ มักจะมีปัญหาหรือความกังวลใจเข้ามากระทบ เราต้อง “อย่า”…

เอาใจคนชอบอยู่คนเดียว.. ด้วย 10 เทรนด์ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ กิจกรรมสุดฮิตสุด Hype ของคน introvert คนที่ชอบอยู่กับตัวเองมากกว่าอยู่กับคนอื่น น่าจะถูกใจชาวสันโดษที่อยากหากิจกรรมคลายเครียด เติมสีสันให้ชีวิต มารวมกันตรงนี้ได้เลย !.. วันนี้เรามีกิจกรรมดี ๆ มาแนะนำ จะมีอะไรที่มาแรงกันบ้างนั้นตามไปดูกันเลย 10 กิจกรรมของคน introvert รับรองถูกใจ 1. ทำความสะอาด หรือจัดบ้านให้เรียบร้อย สภาพแวดล้อมมีผลกับการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก พอเข้าสู่วัยทำงานเรามักจะมองหาความสุขที่เป็นภาพใหญ่ จนมองข้ามความสุขที่เรียบง่าย อย่างเช่นเรื่องการจัดบ้านให้สะอาดน่าอยู่ ที่จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เป็นการสร้างความสุขเล็ก ๆ ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังส่งผลต่อการจัดลำดับความคิดได้อีกด้วย เพราะร่างกายมนุษย์จะดูดซับสิ่งที่เห็นบ่อย ๆ และตอบสนองด้วยการกระทำสิ่งที่สอดคล้องกับบรรยากาศรอบตัว จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบ้านที่ดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย จะทำให้เรามีความคิดที่ฟุ้งซ่านตามมา ที่สำคัญการจัดบ้านจะทำให้รู้สึกภูมิใจและขอบคุณตัวเองได้ทุกวัน 2. ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ อย่างที่เราทราบกันดีว่าชาว introvert ชอบอยู่กับตัวเอง มากกว่าออกไปพบปะผู้คนเยอะ ๆ ดังนั้น กิจกรรมอย่างการออกกำลังกายก็เป็นกิจกรรมที่ช่วยลดความเบื่อหน่ายได้ดี นอกจากนี้การออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายหลั่งสารความสุขบางอย่างออกมา จึงทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจอีกด้วย อีกทั้งในปัจจุบันยังมีอุปกรณ์ออกกำลังกายมากมายที่สามารถหาเวลาว่างของวันเริ่มต้นง่าย ๆ จากที่บ้านได้เลย เคล็ดลับสำคัญคือตั้งเป้าหมาย กำหนดมิชชั่นให้กับการออกกำลังกายนั้น ๆ เสมือนการเล่นเกมอย่างนึง แค่นี้ก็ฟินได้คนเดียวไม่ต้องแคร์ใคร 3. ฟังเพลงที่ชอบ ดูหนังหรือซีรีส์เรื่องโปรด เวลาเครียดหรือกังวลเรื่องงาน การอยู่กับตัวเองได้ดีอย่างมีคุณภาพอย่างนึงเลยก็คือการเสพสื่อมีเดียที่สามารถเอนเตอร์เทนจิตใจคุณได้ดีกว่าสิ่งใด การฟังเพลงในสไตล์ที่คุณโปรดปราน หรือการดูซีรีส์-หนังเรื่องโปรด เป็นการผ่อนคลายความเครียดให้กับสมองได้ อย่างน้อย ๆ กล้ามเนื้อสมองคุณก็รัดเกร็งน้อยลงโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ ! ยิ่งไปกว่านั้น.. เชื่อว่าหากคุณได้ใช้เวลาไปกับความบันเทิง เสพผลงานของศิลปินที่คุณชื่นชอบ เวลาจะถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้คุณมีความสุข และมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น 4.…

ทุกวันนี้การทำงานของหลาย ๆ บริษัทต่างก็มีความเข้มงวดมากขึ้น กดดันมากขึ้น และจะต้องทำตามเป้าหมายหรือกำไรให้กับบริษัทตามสมควร จนหลายครั้งก็พบว่าพนักงานหลายคนไม่มี สุขภาพจิตดี เท่าไหร่นัก และเมื่อการทำงานเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดแน่นอนว่าส่งผลต่อความเป็นอยู่ของพนักงานในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การเงิน ความรัก ครอบครัว และที่สำคัญยังส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจอีกด้วย ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำวิธีการสร้างบรรยากาศในการทำงาน เพื่อส่งเสริมให้มีสุขภาพจิตที่ดีให้ทุกคนได้ตามอ่านกัน ความสำคัญของการมี สุขภาพจิตดี ในที่ทำงาน ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการมี สุขภาพจิตดี ในที่ทำงานกันก่อน อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าการทำงาน 1 วัน คือใช้เวลาอย่างต่ำ 8 ชั่วโมง หรืออาจจะมากกว่านั้นสำหรับบางคน แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำอย่างมาก เพราะถือว่าเป็น 1 ใน 3 ของเวลา 1 วัน ที่คนทำงานจะต้องเจอสภาพแวดล้อมที่กดดันแบบนั้น จนเป็นเหตุให้พนักงานหลายคนหมดไฟในการทำงาน เกิดการเครียดหรือความวิตกกังวล และอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้ ดังนั้นถ้าอยากให้บริษัทหรือธุรกิจของคุณไปได้ดีควรสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีก่อน เพราะถ้าหากทำให้ดีพนักงานจะมีจิตใจที่อยากทำงานด้วยความตั้งใจของตนเอง แน่นอนว่าคุณภาพการทำงานจะดีขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 4 วิธีปรับการทำงานเพื่อ สุขภาพจิตที่ดี ของคนในบริษัท 1. ออกแบบการทำงานที่ชัดเจนตรงตามหน้าที่ เวลาพนักงานเข้ามาทำงานจะมีตำแหน่งหรือหน้าที่ของตนเอง ดังนั้นทางบริษัทหรือหัวหน้างานก็ควรยึดหลักการนั้น อย่าให้งานแบบจับฉ่ายหว่านไปทั่ว ควรสร้างระบบการกระจายงานที่มีหลักการ และควร จัดตารางาน โดยดำเนินงานภายใต้ระบบนั้นอย่างมีเสถียรภาพ เพราะหากไม่มีการจัดตารางงานที่ดีหรือการแจกจ่ายงานที่ชัดเจน ไม่เพียงแต่ทำให้พนักงานได้รับภาระงานที่หนักมากยิ่งขึ้น ยังจะทำให้พวกเขาสับสนมึนงงในขอบเขตงานที่ได้รับ และท้ายที่สุดทำให้งานที่ตัวเองดูแลอยู่มีคุณภาพที่น้อยลงได้ ดังนั้นการจำกัดขอบเขตการทำงานอย่างมีระบบ การแจกจ่ายงาน ตลอดจนการกำหนดค่า KPI และรวมถึงเวลาพัก เวลาเลิกงานก็ควรตรงเวลา รักษาสิทธ์ของทุกคนให้เท่าเทียม หากมีโอทีต้องมีจ่ายเงินเพิ่มตามความเหมาะสม เพราะถ้าหากตรงนี้ไม่ชัดเจนอาจกลายเป็นการตีกรอบให้พนักงานทำงานอย่างหนักแบบไม่มีระบบได้ 2. เพิ่มความรู้สึกภาคภูมิใจและให้ความสำคัญกับพนักงาน ในการทำงานการสร้างพลังบวกให้กับพนักงานถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้ามีบรรยากาศที่ดีแน่นอนว่าสภาพจิตใจของพนักงานจะดีขึ้นด้วย โดยวิธีการนั้นคือการให้ความสำคัญกับผลงานของพนักงานที่ประสบความสำเร็จให้พนักงานรู้สึกภาคภูมิใจและรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า หรือต่อให้แม้มีพนักงานที่ทำงานล้มเหลวการให้คำปลอบใจและให้การสู้ต่อจะเป็นอะไรที่ดีกว่า เพราะถ้าหากโดนตำหนิและกล่าวโทษสักครั้งนึง หลังจากนั้นพนักงานจะไม่กล้าเสนอไอเดีย…

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า.. ก่อนที่คุณจะศึกษา วิธีเข้าสังคม เพื่อขยายคอนเนคชั่นของวงสังคมให้กว้างขึ้น คุณจำเป็นที่จะต้องรู้จุดประสงค์ในการหาคอนเนคชั่นนั้นเสียก่อน ซึ่งการหาคอนเนคชั่นมีได้หลายวัตถุประสงค์ เช่น อาจจะเป็นเรื่องของการหาคนมาเพื่อสนับสนุนธุรกิจ การหาคนมาเป็นหุ้นส่วนเพื่อการลงทุน หรือเป็นการหาคนที่อยู่สายงานเดียวกันเพื่อต่อยอดสิ่งใดสิ่งหนึ่งในงานนั้น การแสวงหาคนรู้จักให้มากขึ้นเพื่อขยับขยายตำแหน่งในสายงาน ตลอดจนไปถึงการหาฐานลูกค้าใหม่ ๆ หรือแม้แต่ทำความรู้จักไว้ก่อนเผื่อในอนาคตอาจจะได้ร่วมงานกัน สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นในการอ่านบทความนี้เพื่อให้สามารถเรียนรู้ วิธีเข้าสังคม เพื่อหาคอนเนคชั่นและสร้างเครือข่ายให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อคุณกำหนดวัตถุประสงค์เป็นที่เรียบร้อย เราจะเริ่มเรียนรู้ไปด้วยกันกับวิธีการดังต่อไปนี้.. 7 วิธีเข้าสังคม เพื่อการหาคอนเนคชั่นแบบมีประสิทธิภาพ 1. หาคอร์สเรียนที่คุณสนใจ หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจในระยะสั้น ๆ  สิ่งแรกที่อยากให้คุณทำเพื่อเพิ่มคอนเนคชั่นได้เป็นอย่างดี ก็คือการลงคอร์สเรียนต่าง ๆ ในหมวดหมู่ที่ตัวเองสนใจ หรืออาจจะลงคอร์สเรียนเกี่ยวกับธุรกิจสายงานของคุณเพื่อเพิ่มความรู้ได้อยู่เหมือนกัน โดยแนะนำคอร์สเรียนที่คนเรียนไม่เยอะ แนะนำว่ามากสุดไม่ควรเกิน 15 คน เพื่อที่จะได้รู้จักกับทุกคนว่าเป็นใคร ทำงานเกี่ยวกับอะไร และแน่นอนว่าอย่าลืมที่จะของคอนแทคไว้ติดต่อด้วย เผื่อวันหนึ่งคุณอยากจะขอความช่วยเหลือหรือให้ความช่วยเหลือได้ และอีกอย่างทางคนเปิดสอนอาจตั้งกลุ่มไว้ทำให้เราสามารถติดต่อข่าวสารได้ตลอด 2. เข้าสัมมนาที่เกี่ยวกับธุรกิจ วิธีเข้าสังคม ที่ตรงกับสกิลของคุณ สำหรับวิธีเข้าสังคมที่จะเข้าถึงคนในแวดวงธุรกิจเดียวกันที่ดีที่สุดคือการเข้าสัมมานาหรือ คอร์สอบรม ที่อาจจะเป็นบริษัทหรือที่ทำงานของคุณเป็นผู้จัด หรืออาจจะเป็นการสัมมนาหรืออบรมนอกสถานที่ ที่เราจะเห็นได้ว่าจะมีงานสัมมนามากมายที่มีทั้งฟรีหรือไม่ก็เสียเงินให้เข้าไปเรียนรู้ ในจุดนี้การจะหาคอนเนคชั่นในคนหมู่มากอาจจะยากหน่อย แต่ก็ให้เริ่มจากพูดคุยกับคนใกล้เคียง หรือทำกิจกรรมร่วมกันได้เพื่อสร้างความสนิทสนม 3. ออกไปทำกิจกรรมแบบกลุ่ม วิธีเข้าสังคมเพื่อหาคอนเนคชั่น ไม่จำเป็นที่จะต้องเกี่ยวกับงานหรือธุรกิจเสมอไป คุณสามารถออกไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ อาจเป็นเรื่องของงานอดิเรก เช่น วาดรูป จัดดอกไม้ วิ่ง ปั่นจักรยาน ตั้งกลุ่มไปเที่ยวกับคนไม่รู้จัก ทำพิธีการทางศาสนา หรือแม้แต่การเป็นจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือผู้คนก็จะสามารถพบเจอคนใหม่ ๆ ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหากคุณออกไปทำกิจกรรมมากเท่าไหร่ คุณก็จะขยับขยายสังคมในด้านต่าง ๆ ได้มากเท่านั้น 4. การใช้ Linkedin.com ในการหาคอนเนคชั่นใหม่ ๆ สำหรับใครที่ต้องการหาคอนเนคชั่นหรือต้องการพรีเซนต์ตัวเองด้วย การเลือกใช้ Linkedin.com…

เมื่อคุณโตขึ้น คุณต้องเผชิญกับการใช้ชีวิตในสังคมขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย หรือแม้ว่าคุณจะเป็นคนอินโทรเวิร์ต ก็น่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพบปะและต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง สิ่งเหล่านั้น.. อาจก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ความสัมพันธ์” และความสัมพันธ์จะเป็นเชื้อไฟเพิ่มความผูกพัน ความสนิทชิดเชื้อ ไปจนเกิดเป็นความรักได้ แต่ความสัมพันธ์ก็ใช่ว่าจะมีโพสิทีฟ คุณคงเคยได้ยินคำว่า “ความสัมพันธ์เป็นพิษ” หรือ toxic relationship มาบ้างใช่ไหม ?.. ความสัมพันธ์แบบท็อกซิกคือหนึ่งในความสัมพันธ์ที่อยู่ในรูปแบบเนกาทีฟ แต่ยังไม่ถึงกับพังทลาย เปรียบเหมือนพิษในร่างกายที่จะค่อย ๆ กัดกินจนสิ่งมีชีวิตจะสูญสลาย ความสัมพันธ์แบบท็อกซิกนี้ ถ้าคุณเจอกับตัวเองและรู้ตัวได้เร็วก็ควรรีบปลีกตัวถอยห่างให้ไว ก่อนพิษร้ายจะทำลาย แต่ถ้าหากไม่รู้ตัวว่าอยู่ในขั้นท็อกซิกหรือยัง ลองอ่านข้อสรุปต่อไปนี้ที่เราย่อยมาให้อ่านง่าย ๆ เพื่อให้คุณสำรวจว่าความสัมพันธ์ที่คุณมีอยู่กับคนรอบข้างตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ถ้ามันติดพิษจะได้รักษาทัน ทำความเข้าใจ toxic relationship ความเป็นพิษที่ควรถอย คำว่า toxic relationship สรุปใจความสั้น ๆ ได้ว่าความสัมพันธ์เป็นพิษดังที่กล่าวไปแล้ว ง่าย ๆ คือ.. คุณจะรู้สึกว่าอยู่กับคน ๆ นี้แล้วไม่มีความสุข อยู่แล้วไม่มีความสบายใจ อยู่แล้วไม่ได้เป็นตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทุกคนสามารถเจอได้บ่อยครั้ง แต่ก็จะมีบางรูปแบบที่ควรจะถอยให้ห่างให้ไว หรือเลิกคบไปได้เลยก็ได้ยิ่งดี โดยคนลักษณะท็อกซิกที่คุณควรรู้นั้นมีดังต่อไปนี้ 1. คนที่ทำร้ายร่างกายและทำร้ายจิตใจ ในความสัมพันธ์การทำร้ายฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าจะด้วยร่างกายหรือทำร้ายด้วยจิตใจ นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง และไม่ควรอยู่ในทุก ๆ ความสัมพันธ์ เพราะจะเป็นการบั่นทอนพลังงาน บั่นทอนความเป็นตัวตนของคุณ อีกทั้งยังสามารถสร้างความทรงจำที่เป็นปมและอาจส่งผลต่ออนาคตได้ ถ้าหากคุณเจอคนลักษณะนี้ต้องรีบเลิกคบด่วน หรือรีบหนีไปให้ไกลได้ก็ยิ่งดี เพราะตัวตนของคุณจะสามารถเปลี่ยนไปจากการโดนสิ่งเหล่านี้ได้ 2. คนที่ใช้อำนาจอยู่เหนือกว่าคนอื่น ในความสัมพันธ์ที่มีการใช้อำนาจที่เหนือกว่า จะทำให้ผู้ที่อยู่ด้วยต้องเกรงกลัว และมันจะลดทอนคุณค่าของตัวคุณเองไปอย่างมาก เพราะคุณคงต้องยอมทุกเรื่องเพื่อให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัย แต่ความจริงแล้วการที่ต้องทำตามผู้ที่มีอำนาจนับว่าเป็นความสัมพันธ์ toxic ที่สามารถพบได้บ่อยในคู่รักเป็นอย่างมาก ถ้าหากอยู่ไปแล้วไม่มีความสุข ไม่มีคุณค่า แนะนำว่าให้รีบถอยออกมาจะเป็นการดีที่สุด ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนในข้อนี้และยังขาดความมั่นใจในการที่จะถอยออกมา แนะนำว่าให้ลองมาสำรวจความรู้สึกและค้นหาคุณค่าของตัวเองดูก็จะถอยได้ง่ายขึ้น…