*Trendy Now

ชั่วโมงนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความร้อนแรงของ House of the Dragon ซีรีส์ยอดนิยมส่งท้ายปี ดีไม่แพ้ซีรีส์ในสตอรี่ไลน์เดียวกันอย่าง Game of Thrones และเชื่อไหมว่า.. เพียงแค่ซีซันที่หนึ่งก็สามารถโกยสกอร์จากบ้าน imdb ไปถึง 8.6/10 และจาก Rotten Tomatoes 86% หากคุณเป็นคนนึงที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้ว จะเห็นว่าตัวละครใน House of the Dragon มีความโดดเด่นและบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของตัวละครนึงมักพาคุณไปเจอประเด็นต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้น ซับซ้อนแต่ก็สอดประสานกันได้อย่างสนุก…

*รักโลก รักสุขภาพ

หลายครั้งพฤติกรรมบางอย่างที่แสดงออกมา เราก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนั้น จนทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง หรือแม้แต่ตัวเองก็ไม่พอใจที่แสดงพฤติกรรมเหล่านั้นออกมา แต่ทุกอย่างสามารถแก้ได้ เพียงแค่เรา “เข้าใจตัวเอง” ให้มากยิ่งขึ้น แต่การจะเข้าใจได้นั้น ก็ต้องมีหลักการหรือทฤษฎีมารองรับเสียหน่อย เพื่อการพัฒนาที่ดีและตรงจุด เราขอแนะนำให้รู้จักกับ Satir Model…

Business knowledge 77%
Technology 71%
Self development 90%
Potential improvement 86%

Athena new release

ถอดบทเรียน “ธุรกิจเจ๊ง” เช็คความเสี่ยงว่าธุรกิจคุณเข้าขั้นวิกฤตแล้วหรือยัง ? ปกติแล้วบทความส่วนใหญ่จะให้หนทางทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ พร้อมแนะนำเคล็ดลับต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าหากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจหรือทำธุรกิจแล้วกำลังประสบกับความเสี่ยงในการทำให้ ธุรกิจเจ๊ง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? Convincing จิตวิทยาและวาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจ “เคล็ดลับ! การโน้มน้าวใจคนให้สำเร็จ ด้วยเทคนิคเชิงจิตวิทยาและศิลปะการพูด”หลักการและเหตุผลการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันหลากหลายองค์กรต่างเห็นความสำคัญถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์”บุคลากร”ทางด้านทัศนคติกระบวนการความคิดให้เกิดความสุขในการทำงาน องค์กรจึงต้องนำศาสตร์และศิลป์ทางจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในการวางแผน บริหารจัดการ การจูงใจ การเจรจาต่อรอง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? หลักสูตร Generative AI for Productivity เรียนออนไลน์ผ่าน Zoom Meeting…

เปิดรับสมัครแล้ว คอร์สเรียนออนไลน์ “ก้าวแรกสู่ การพูดในที่สาธารณะ” คอร์สเรียนทักษะการพูดในที่สาธารณะที่โฟกัสตรงจุด ทำให้คุณพัฒนาทักษะการพูดเป็นเร็วขึ้น SPEAK SPARK ได้กลั่นกรอง “ศาสตร์และศิลป์”…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลงานขององค์กรเพื่อให้ได้งานเชิงพัฒนามากขึ้น หลายองค์กรได้เลือกทำการปรับปรุงแนวทางการกำหนดตัวชี้วัดผลงานเช่น KPIs โดยเปลี่ยนไปเป็นการตั้งเป้าหมายในเชิงพัฒนา รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดผลงานแบบที่มุ่งเหตุที่ทำให้เกิดผล และผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการ มากกว่าที่จะตั้งตัวชี้วัดผลงานแบบงานประจำ และตัวชี้วัดผลงานที่มุ่งวัดผลเบื้องต้นเท่านั้น…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? ทําความรู้จักกับไคเซ็น (KAIZEN) เครื่องมือที่ช่วยในการทําไคเซ็นในสํานักงาน หมวดหมู่ งานบุคคล HR การทำงาน…

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย ตลอดจนการลงทุนาสร้างโปรเจคอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไร และแน่นอนว่ามันคีพคูลเข้ากับเทรนด์ Eco Friendly ในเจเนอเรชั่นนี้มาก…

ชีวิตในแต่ละวันต่างก็ต้องฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องความรัก ที่อาจเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ หรือเป็นเรื่องที่ใหญ่โตจนใจเราเกินจะต้านไหว ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำวิธีการ สร้าง “พลังบวก” ให้ใจแข็งแรง พร้อมลุยทุกปัญหา ทุกอุปสรรค สามารถผ่านความทุกข์และผ่านความสุขได้เป็นอย่างดี หากใจคุณยังไม่แข็งแรงพอ มีอาการท้อถอย หรือรู้สึกดาวน์ ๆ แนะนำว่าต้องรีบอ่านกันเลย 6 วิธีเริ่มต้น สร้างพลังบวก ++ ให้ใจแข็งแรงง่าย ๆ ในการสร้างพลังบวกมีวิธีมากมายให้เลือกใช้หรือเลือกทำ แต่สิ่งที่สำคัญคือใจเราต้องพร้อม พร้อมที่อยากจะเปลี่ยนตัวเองจริง ๆ เพราะถ้าหากใจไม่สู้ ใจมันถอย ใจมันยอมแพ้ไปตั้งแต่แรก เราก็จะไม่สามารถเติมเต็มพลังบวกให้กับตัวเองได้ ดังนั้นเคลียร์ใจตัวเองให้ดี สร้างความตั้งใจ สร้างเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงเอาไว้ ถ้าเคลียร์ตรงนี้ได้แล้ว ก็ไปดูกันเลยดีกว่าว่า 6 วิธีที่สามารถสร้างพลังบวกมีอะไรบ้าง 1. ดูแลตัวเองทั้งภายในและภายนอกให้มากขึ้น เริ่มต้นง่าย  ๆ กับการสร้าง “พลังบวก” เพียงแค่หันมาสำรวจตัวเองทั้งภายนอก ว่าได้มีการดูแลหน้าตา ผม และการแต่งตัวว่าเป็นอย่างไร แนะนำให้ปรับเปลี่ยนในลุคที่ตัวเองรู้สึกมั่นใจที่สุดและจะต้องสะอาดสะอ้านด้วย ส่วนภายในจิตใจก็พยายามเสพสิ่งที่ดีต่อใจ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ดูซีรีส์ อ่านหนังสือในแนวให้พลังบวก และงดเว้นการเสพข่าว และเสพโซเชียลจะทำให้สร้างพลังบวกได้ง่ายยิ่งขึ้น 2. พาตัวเองไปเที่ยวให้ธรรมชาติบำบัด พลังบวก การเปลี่ยนบรรยากาศไปยังสถานที่ใหม่ ๆ จะช่วยทำให้เปลี่ยนมุมมองความคิดและบรรยากาศได้เป็นอย่างดี การไปให้ธรรมชาติบำบัดและหายใจรับอากาศบริสุทธิ์เข้าร่างกายไม่เพียงทำไปเพื่อให้ได้รับอากาศที่สดชื่น แต่ยังสามารถช่วยให้เราผ่อนคลาย และสามารถตกตะกอนความคิดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะการพักผ่อนก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการ โดยเฉพาะธรรมชาติที่ทำให้หัวใจของเราได้เติมเต็ม เพราะสิ่งเหล่านี้หาได้ยากยิ่งในเมืองใหญ่ 3. ดีใจทุกครั้งเวลาที่ทำอะไรสำเร็จพร้อมให้รางวัลตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่เวลาทำอะไรสำเร็จ ให้ดีใจทุกครั้งจะชมตัวเองก็ได้ หรือจะร้อง “เย้” ก็ได้ เพราะสิ่งนี้เป็นการ สร้างพลังบวกที่ถือว่าดีมาก…

กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด.. กรุงโรมก็ไม่ได้สร้างด้วยคนเพียงคนเดียวฉันนั้น แน่นอนว่าเหนือสิ่งอื่นใดหากคุณต้องการทำงานสเกลใหญ่ให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย นอกจากสกิลของคนแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดหนีไม่พ้นการสร้าง “ทีมเวิร์ค” ที่ดี เพื่อที่จะสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งประโยชน์ทางตรงที่คุณเห็นได้ชัดของการมีทีมเวิร์คที่ดี นั่นคือคุณภาพของงาน ปริมาณ และเวลาที่ดีขึ้น ส่วนประโยชน์ทางอ้อมคือองค์กรได้พัฒนาองค์ความรู้ที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว แต่การสร้างทีมเวิร์คให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีได้นั้น.. ไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมเวิร์คที่ทำงานให้ออกมาดีได้นั้นไม่ใช่ว่าใครจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ หากคุณเป็นหัวหน้าและมีบทบาทในการจัดการทรัพยากรบุคคล สิ่งที่ขาดไม่ได้คือต้องมีทักษะที่ดีในการจัดสรรคนให้ลงตัว สกิลของแต่ละคนต้องสอดคล้องเหมาะสมกันเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง จำนวนคนต่อทีมต้องพอดีเหมาะสมกับปริมาณงาน ไม่ใช่ทำงานร่วมกันแล้วกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ แต่แม้ว่าการจัดการกับคนคือเรื่องน่าปวดกหัวที่สุดของทุกกิจกรรมในองค์กร ซึ่งยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางทำให้ดีได้ เอาล่ะ!.. งั้นต่อไปนี้คุณจะได้รู้ว่าการสร้าง ทีมเวิร์ค ที่ดีมีแนวคิดอย่างไร เริ่มจากคิดก่อนว่า.. ทีมเวิร์คที่ดีต้องมีกี่คน ? จากที่บอกไปว่า.. จำนวนคนต่อทีมต้องพอดีเหมาะสมกับปริมาณงาน ต้องไม่หลวมแต่ก็ต้องไม่บีบรัดจนเกินไป การที่จะสร้าง ทีมเวิร์ค ขึ้นมา ก่อนอื่นขอแนะนำให้คุณนิยามสเกลของงานก่อนว่ามีขนาดระดับไหน เล็ก (S) กลาง (M) หรือ ใหญ่ (L) หากงานของคุณมีปริมาณมาก มีความละเอียดและซับซ้อน อาจมีระดับใหญ่มาก (XL) ด้วยก็ได้ ซึ่งใช้แนวคิดเดียวกัน เพื่อที่คุณจะสามารถสร้างทีมที่ดีขึ้นมา มีจำนวนคนต่อทีมเหมาะสมจนสามารถเพิ่มศักยภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่ Small Sizing งานขนาดเล็ก จำนวนคนที่คุณควรจัดให้เหมาะสมต่อทีมคือประมาณ 4 – 5 คน รวมหัวหน้าทีม (Leader) โดยคนกลุ่มนี้ควรมีหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกัน เพื่อที่ว่าทุกคนจะสามารถทำงานตามหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ โดยมีหัวหน้าทีมคอยแนะนำ ให้คำปรึกษา ช่วยแก้ปัญหา และผสานงานแต่ละส่วนเพื่อให้ผลงานออกมาเสร็จสมบูรณ์ตามที่ได้รับมอบหมาย Medium Sizing งานขนาดกลาง แนะนำว่าจำนวนที่เหมาะสมคือ 6 – 7 คน โดยคุณควรกำหนดให้ทีมมีทั้งหัวหน้าทีมและรองฯ ส่วนสมาชิกที่เหลือควรมีหน้าที่ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ถ้าหากตำแหน่งหน้าที่ใดไม่สามารถมีแค่คนเดียวได้ คุณอาจเพิ่มให้มีสองคนที่ทำหน้าที่เดียวกันก็ถือว่าเป็นจำนวนกำลังดี…

หลังจากเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดโควิด ทำให้รูปแบบการทำงานนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก หลายคนคงได้ยินคำว่า Work from home หรือ Hybrid work มาพอสมควร สภาพการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทำให้มนุษย์ออฟฟิศมีพฤติกรรมและความต้องการที่เปลี่ยนไปจากเดิม หลายคนรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ทำงานอยู่บ้านกับครอบครัว ทว่าขณะเดียวกันก็อยากยืดหยุ่นการทำงานและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าการบริหารองค์กรด้วยการทำงานรูปแบบเดิมอาจไม่ตอบโจทย์ Work Life Balance ของผู้คนอีกต่อไป ซึ่งหลายครั้งก็ไม่อาจรั้งพวกเขาให้อยู่กับเราได้นานเช่นกาลก่อน ดังปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกอย่าง The Great Resignation และ Quiet Quitting ในช่วงล่าสุดที่ผ่านมา และคล้ายกับว่านี่เป็น Butterfly Effect ที่มีผลต่อองค์กรในกาลข้างหน้าอย่างมากทีเดียว วันนี้เราจึงอยากแชร์เทรนด์การทำงานปัจจุบันที่สามารถตอบโจทย์ของการบริหารธุรกิจของคุณกันครับ ว่าจะไปในทิศทางไหนได้บ้าง กับ 5 รูปแบบการทำงานที่มาแรงในยุคใหม่ การทำงานยุคใหม่ที่มาแรง เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การทำงานอยู่ภายในออฟฟิศแบบซังกะตายแบบเดิม ๆ อาจเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้คนยุคใหม่เลือกอยู่กับเราน้อยลง ซึ่งส่งผลต่อการบริหารธุรกิจและองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการขาดพนักงานที่สามารถรับผิดชอบในงานสำคัญ หรือจะเป็นรับภาระงานอันหนักหน่วงของพนักงานที่ยังเหลืออยู่ในบริษัท สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้พนักงานเกิดอาการ Burn Out และขาดแรงใจจะอยู่กับเราในที่สุด และจากที่เกริ่นกันไปแล้ว.. ทีนี้เรามาดูกันครับว่า มีรูปแบบการทำงานแบบใดบ้างที่จะทำให้การบริหารธุรกิจและองค์กรของเราเป็นเรื่องที่สะดวกยิ่งขึ้น 1. Remote and Hybrid work ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานทางไกลเป็นตัวเลือกลำดับแรกที่ดึงดูดใจพนักงานเก่าหรือคนอื่นที่พบเห็นใบสมัครในบริษัทของเราเป็นอันต้องหยุดชะงักเพราะความสนใจ โดยรูปแบบการทำงานแบบทางใกล้จะมีหลายรูปแบบย่อย ตามแต่เราจะวางเงื่อนไขรูปแบบดังกล่าว ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 แบบย่อย ได้แก่ 2. Visual Team Building Google Meet, Zoom, Microsoft Team เป็นตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ทำงานสะดวกขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแค่คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กของคุณได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ดังกล่าว การจะฟอร์มทีมสำหรับเรียกประชุมและคุยงานก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว และยิ่งมี VR หรือ Visual Reality เป็นหนึ่งในเครื่องมือจากนวัตกรรมสุดล้ำที่มีความสามารถจำลองภาพให้เสมือนจริงบนโลก Metaverse…

คุณเป็นคนนึงหรือเปล่า ? ที่กำลังอยากรู้วิธีเก็บเงินให้ได้เร็ว หรือกำลังประสบปัญหาเรื่องการออมเงิน ทำงานมาหนักแต่ก็ไม่มีเงินเก็บสักที หรือทำงานมาเป็นปีแล้ว ซื้อของที่ต้องการไม่ได้ ในบทความนี้เรามีแอปพลิเคชันช่วยออมเงินง่าย ๆ มาฝากกัน ซึ่งแอปออมเงินเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยบริหารจัดการการเงินในด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างง่าย ๆ เป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น และถือว่าเป็นหนึ่งใน “วิธีเก็บเงินให้ได้เร็ว” เพราะช่วยทำให้เราสามารถที่จะวางแผนการใช้เงินในด้านอื่น ๆ ของชีวิตในอนาคตให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แอปพลิเคชันช่วยออมเงิน วิธีเก็บเงินให้ได้เร็ว เป็นระบบมากขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหา แอปพลิเคชันช่วยออมเงิน เพื่อวางแผนการเงินให้ดี ให้ปัง ซึ่งทางเราก็ได้รวบรวมแอปพลิเคชันทั้งหมด 7 แอป ที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตทางการเงินของคุณได้แบบเห็นได้ชัด โดยแต่ละแอปจะมีฟังก์ชันการทำงานที่แตกต่างกัน หากใครอยากรู้ว่าแอปพลิเคชันไหนมีความน่าสนใจอย่างไรสามารถตามอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย 1. Save Money Daily แอปพลิเคชันตัวช่วยจัดการเรื่องการเงินที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น Save Money Daily มีฟีเจอร์ที่เป็นจุดเด่นในด้านการจดบันทึกรายรับรายจ่ายได้ทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน แอปนี้ใช้งานได้ง่าย เพราะมีรูปแบบที่ไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังมีการสรุปผลอย่างละเอียด ทำให้สามารถย้อนดูประวัติรายการกระแสเงินสดของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ โดยจะสรุปผลในรูปแบบกราฟทำให้เห็นภาพของกระแสการเงินชัดเจน เรียกได้ว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินมากเลยทีเดียว หากสนใจสามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ที่ AppStore เท่านั้น เพราะแอบน่าเสียดายที่รองรับแค่ iOS 2. Money Lover แอปพลิเคชันช่วยออมเงินและจัดการทุกปัญหาเรื่องเงิน การันตีจากยอดการดาวน์โหลดมากกว่า 5 ล้านคน จุดเด่นของแอปนี้คือ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่กันข้อมูลสำคัญไว้ ไม่ได้เกิดการรั่วไหล ผู้ใช้งานต้องลงทะเบียนการใช้งานทุกครั้ง เครื่องมือภายในใช้งานง่าย ไม่มีความซับซ้อน อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารเงิน ไม่ว่าจะเป็น การจดบันทึกรายรับ รายจ่าย การแยกประเภทข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถอัพโหลดรูปภาพได้ โดยแอปพลิเคชันจะเซฟเป็นข้อมูลผู้ใช้งานทั้งหมดให้แบบอัตโนมัติ…

“Good health is true wealth” สุขภาพดีคือความมั่งคั่งที่แท้จริง buzzword คุ้นหูนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด เมื่อเราทุกคนต่างรู้ดีว่าโลกของเราในทุกวันนี้ได้รับผลร้ายทั้งทางตรงและทางอ้อมจากอุตสาหกรรม ภาวะเรือนกระจก การตัดไม้ทำลายป่าของมนุษย์ ส่งผลให้สิ่งมีเจือปนในอากาศ สารเคมีในอาหาร นำพามาซึ่งเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และโรคภัยไข้เจ็บสายพันธุ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ และเริ่มมีกลุ่มคนที่ตระหนักถึงภัยคุกคามที่มองไม่เห็นนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เขาเหล่านั้นต่างให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลสุขภาพ มากขึ้น และยังร่วมรณรงค์ให้ผู้คนตื่นตัวผ่านสื่อฯ หรือแคมเปญต่าง ๆ อยู่เสมอ รวมไปถึงการใช้ แอปดูแลสุขภาพ กันให้มากขึ้นในชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จึงสำคัญมาก เริ่มที่ตัวเองเราเองได้ง่าย ๆ โดยต้องหมั่นตรวจเช็กร่างกายตัวเองอยู่เสมอ สำหรับใครที่ไม่ชอบความยุ่งยาก หรือขี้เกียจเดินทางไปตรวจสุขภาพไกลบ้าน เราขอแนะนำ 10 แอปพลิเคชันดูแลสุขภาพของตัวเอง ตัวช่วยสำคัญที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคุณ ให้ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ลดการเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลได้อย่างแน่นอน รวม 10 แอปดูแลสุขภาพ ให้กับตัวเองเป็นประจำทุกวัน สำหรับ แอปดูแลสุขภาพ ทั้ง 10 แอป ที่ได้มีการคัดสรรมานั้น ถือว่ามีความหลากหลายเป็นอย่างมาก คุณไม่จำเป็นต้องโหลดทุกแอป แต่ให้เลือกแอปที่คุณต้องการจะ ดูแลสุขภาพ ร่างกายและจิตใจในด้านไหน แบบใดจะเป็นการดีที่สุด โดยรายละเอียดต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้ 1. MyFitnessPal เริ่มกันที่แอปพลิเคชันแรก MyFitnessPal แอปติดตามการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน มาพร้อมฟังก์ชันการวางแผนออกกำลังกาย ภายในมีข้อมูลอาหารหลากหลาย สามารถสแกนบาร์โค้ดเพื่อตรวจสอบปริมาณแคลอรีอาหารที่ทานได้ เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพหรือสาว ๆ ที่ต้องการลดน้ำหนัก และสิ่งนี้เองจะเสริมสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาวได้ 2. Apple Health อีกหนึ่งแอปพลิเคชันติดตามสุขภาพ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานอุปกรณ์…