ดูแลตัวเอง ใส่ใจสุขภาพ

ในแต่ละวันเราต่างก็ต้องใช้พลังงานจากสารอาหารในการดำเนินชีวิต และมื้อที่สำคัญที่สุดเพื่อบูสต์อัพพลังงานของคุณให้มีเรี่ยวแรงไปลุยงานได้ตลอดวัน ก็คงหนีไม่พ้นมื้อเช้า และแน่นอน.. เราจะมาคุยกันด้วยเรื่องของ “เมนูอาหารเช้า” ที่เหมาะแก่การให้พลังงานที่ดีต่อร่างกาย ทำให้สามารถออกไปเรียน ออกไปทำงาน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญเมนูอาหารเช้าที่เราจะไปโฟกัสกันเหล่านั้น เน้นให้พลังงานตลอดทั้งวัน มีประโยชน์ต่อร่างกาย…

Business knowledge 84%
Technology 71%
Self development 79%
Potential improvement 60%

Athena new release

การเรียนภาษาใครว่าต้องจริงจังเคร่งเครียดเสมอไป วันนี้เราได้รวบรวมแอปพลิเคชั่นเรียนภาษาต่างประเทศหรือ แอปเรียนภาษา ยอดนิยม ที่มีคะแนนรีวิวสูง ๆ ทั้งนั้น ใครหลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้ผลจริง” และนอกจากเรียนภาษาที่สองหรือสามจะเป็นการพัฒนาตนเอง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลงานขององค์กรเพื่อให้ได้งานเชิงพัฒนามากขึ้น หลายองค์กรได้เลือกทำการปรับปรุงแนวทางการกำหนดตัวชี้วัดผลงานเช่น KPIs โดยเปลี่ยนไปเป็นการตั้งเป้าหมายในเชิงพัฒนา รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดผลงานแบบที่มุ่งเหตุที่ทำให้เกิดผล และผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการ มากกว่าที่จะตั้งตัวชี้วัดผลงานแบบงานประจำ และตัวชี้วัดผลงานที่มุ่งวัดผลเบื้องต้นเท่านั้น…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? ทําความรู้จักกับไคเซ็น (KAIZEN) เครื่องมือที่ช่วยในการทําไคเซ็นในสํานักงาน หมวดหมู่ งานบุคคล HR การทำงาน…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? สัมมนาฟรี แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2024 กับการปรับกลยุทธ์ของนักธุรกิจไทย Strategic Center ขอเชิญเข้าร่วมงาน สัมมนาธุรกิจ…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การแข่งขันทางธุรกิจที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในยุคแห่งความรวดเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Age) การบริหารเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จดูเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้นทุกขณะ โดยผู้บริหารต้องเห็น 3C กล่าวคือ Change…

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย ตลอดจนการลงทุนาสร้างโปรเจคอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไร และแน่นอนว่ามันคีพคูลเข้ากับเทรนด์ Eco Friendly ในเจเนอเรชั่นนี้มาก…

บทความนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้จัดการโครงการ Project Manager ทั้งหลาย ตลอดจนหัวหน้าทีม และ/รวมถึงระดับผู้ประกอบการโดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กเป็นอย่างยิ่ง เนื้อหาสาระด้าน Soft Skill ในการจัดสรรคนให้เหมาะสมกับงานนี้ หรือที่เราคุ้นหูกันในวลีเท่ห์ ๆ อย่าง “Put the Right Man on the Right Job” นั่นคือการใส่ใจเรื่องการจัดสรรบุคคล ในการเลือกคนที่จะมาทำงานให้เราได้อย่าง เหมาะสม ทั้งด้านเวลาและความสามารถ ที่สำคัญสกิลของคนก็ต้อง แมชชิ่ง กับงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จบงานกันอย่าง แฮปปี้เอนดิ้ง ทั้งผู้มอบหมายงานและผู้รับงาน จะเห็นได้ว่าสิ่งนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก และเป็นสกิลสำคัญที่ผู้มอบหมายงานทุกคนต้องเรียนรู้ เพราะถ้าหากเลือกคนผิด แทนที่จะช่วยกันทำให้ธุรกิจเติบโต อาจเสียงานและกลายเป็นล่มจมได้ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก เนื่องจากฐานธุรกิจของคุณอาจยังไม่แข็งแรงพอ ดังนั้นสรุปกันอีกครั้งว่าในบทความนี้จะมาว่าด้วยเรื่อง “วิธีเลือกคนทำงาน” อย่างไรถึงจะมีคุณภาพ และช่วยกันพาธุรกิจของคุณเติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว 7 วิธีเลือกคนทำงาน “Put the Right Man on the Right Job” เลือกเฟ้นอย่างไรถึงได้คนที่มีคุณภาพ 1.เลือกคนทำงานที่มีความสามารถแบบตัว T (T-shaped skills) เมื่อคุณอยากจะหาคนมาร่วมงาน แนะนำว่าต้องหาคนที่มีความสามารถแบบตัว T ตามธุรกิจที่คุณทำอยู่ ซึ่งความหมายของตัว T ที่ว่านี้ก็คือจำเป็นจะต้องรู้กว้างในสายงานของคุณหรือก็คือเป็น “เป็ด” แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ลึกด้วยหรือก็คือมีความสามารถด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษที่เรียกว่า “Specialist” ในตำแหน่งที่คุณได้เปิดรับสมัครมานั่นเอง เพราะถ้าหากไม่เป็นตัว T การพัฒนาธุรกิจจะล่าช้ากว่าการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน 2. ทดสอบการทำงานจริงตอนเรียกสัมภาษณ์ วิธีเลือกคนทำงาน ที่ง่ายที่สุดและเห็นผลได้จริงที่สุด นั่นก็คือทดสอบการทำงานจริงในตอนที่เรียกสัมภาษณ์เลย โดยคุณสามารถให้โจทย์ทำเป็นข้อสอบข้อเขียนก็ได้ ในขณะเดียวกันถ้าเป็นงานภาคปฏิบัติก็สามารถลุยให้ทำจริงได้ในทันที ในจุดนี้จะเป็นตัวชี้ขาดว่า ผู้ที่สมัครงานเข้ามามีความสามารถที่เพียงพอหรือไม่…

มีเป้าหมาย มีจุดมุ่งหมายในชีวิต มีความฝัน แต่ยังผลัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อย ๆ ใครตั้ง เป้าหมาย ไว้เมื่อปีก่อน จนเวลาผ่านมาถึงท้ายปี และขึ้นปีใหม่แล้วก็ตาม แต่ยังไม่สำเร็จซักอย่าง ลองนำแนวคิดของเทคนิคการปลดปล่อยพลังเพื่อพิชิตเป้าหมายนี้ไปใช้ดู เมื่อเรารู้จุดมุ่งหมายในชีวิต กำหนดวิสัยทัศน์ และทำสิ่งที่เราต้องการและปรารถนาอย่างแท้จริงให้กระจ่างชัดขึ้นมาแล้ว จากนั้นเราต้องแปลงมันให้อยู่ในรูปของเป้าหมายและจุดประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงและวัดผลได้ แล้วปฏิบัติไปตามนั้นด้วยความแน่ใจว่าเราจะสามารถทำมันให้สำเร็จได้ สมองเป็นกลไกหนึ่งของการเสาะหาเป้าหมาย ไม่ว่าเราจะกำหนดเป้าหมายใดให้กับจิตใต้สำนึก สมองจะทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อทำเป้าหมายนั้นให้เป็นจริง เท่าไหร่และเมื่อไหร่ เพื่อให้มั่นใจว่าเป้าหมายจะปลดปล่อยพลังของจิตใต้สำนึกออกมา มีเกณฑ์สองข้อด้วยกัน นั่นคือ เราจะต้องกำหนดเป้าหมายในแบบที่เราและคนอื่น ๆ สามารถวัดผลได้ เช่น การกำหนดเป้าหมายว่า ฉันจะลดน้ำหนักลง 5 กิโลกรัม แต่เดี๋ยวนะ อันนี้มันยังธรรมดาไป ! จะดีกว่าไหม ถ้า…ฉันจะลดน้ำหนักลง 5 กิโลกรัม ให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ !!! ดังนั้นเกณฑ์สองข้อที่กล่าวไปข้างต้นนั้น หมายถึง “เท่าไหร่” และ “เมื่อไหร่” นั่นเอง Tip: ระบุเป้าหมายทุกด้านให้เฉพาะเจาะจงมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น รุ่น สี ปีที่ผลิด ขนาด น้ำหนัก หรืออื่น ๆ จำไว้ว่า หากเป้าหมายคลุมเครือ ผลลัพธ์ก็จะคลุมเครือเช่นกัน เป้าหมาย เป็นมากกว่าแค่ ความต้องการ มีเหมือนกันที่ในบางครั้งเป้าหมายของเรา ไม่มีเกณฑ์วัดผล ซึ่งมันก็จะเป็นเพียงบางสิ่งที่เราปรารถนา หรือความต้องการ เช่น ฉันอยากเป็นเจ้าของบ้านที่มีสวนสวย ๆ หรือ ฉันอยากเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาคนนั้น …อะไรแบบนี้ ดังนั้น เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงกับจิตใต้สำนึกของเราได้ จำเป็นต้องมีเทคนิควิธีคิดเพื่อให้สามารถเกิดการวัดผลให้ได้…

การเรียนภาษาใครว่าต้องจริงจังเคร่งเครียดเสมอไป วันนี้เราได้รวบรวมแอปพลิเคชั่นเรียนภาษาต่างประเทศหรือ แอปเรียนภาษา ยอดนิยม ที่มีคะแนนรีวิวสูง ๆ ทั้งนั้น ใครหลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้ผลจริง” และนอกจากเรียนภาษาที่สองหรือสามจะเป็นการพัฒนาตนเอง เพิ่มสกิลและศักยภาพในการทำงานแล้ว ขอบอกเลยว่าการเลือกเรียนภาษาผ่านแอปพลิเคชั่นแบบออนไลน์นั้น สะดวก ประหยัดค่าเดินทาง และยังแฝงไปด้วยความสนุกเพลิดเพลิน อีกทั้งยังช่วยสร้างการจดจำได้ดีกว่าบทเรียนเล่มหนา ๆ ที่ต้องนั่งท่องจำแต่ไม่เคยได้ออกเสียงหรือเขียนจริง ซึ่งแอปเหล่านี้ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ทักษะในการเรียนพัฒนาได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย 7 แอปเรียนภาษา ทั้งสนุกและได้ความรู้ แอปเรียนภาษา หรือแอปพลิเคชั่นเรียนภาษาต่างประเทศที่เราคัดมาให้วันนี้ถือเป็นตัวช่วยดี ๆ ที่จะมาช่วยเสริมสร้างทักษะทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเจ้าของภาษาได้จริงผ่านการแชร์ในคอมมูนิตี้ และในรูปแบบอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ ! จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย 1. Duolingo คงไม่มีใครไม่รู้จักแอปเรียนรู้ภาษายอดนิยมอย่าง Duolingo ที่ตัวแอปจะมีความเหมาะกับผู้ที่ต้องการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศตั้งแต่ในระดับพื้นฐาน เพราะภายในตัวแอปนอกจากสาระความรู้เกี่ยวกับภาษาต่างประเทศแล้วยังได้ทั้งความสนุกจากภารกิจและกิจกรรมส่งเสริมการใช้ภาษาในรูปแบบของเกมให้ผู้ใช้งานได้ลองใช้ เช่น เกมการตอบคำถาม เกมฝึกการฟังเสียง หรือฝึกแปลภาษา ที่จะช่วยพัฒนาและกระตุ้นสมองให้เกิดการเรียนรู้และการจดจำที่ไวกว่าการเรียนแบบท่องจำทั่วไป ที่สำคัญยังมีการแจ้งเตือนให้เรามาเรียนทุกวันกันอีกด้วย 2. Memrise อีกหนึ่ง แอปเรียนภาษา ยอดฮิตที่เน้นการเรียนรู้ภาษาในรูปแบบการจดจำคำศัพท์และไวยากรณ์ภาษา ผ่านเกมจับคู่ศัพท์และเกมช่วยเสริมความจำอื่น ๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำศัพท์ไปใช้งานได้จริงในระยะยาว รวมถึงตัวแอปมีการผสมผสานเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยพัฒนาการเรียนรู้ ให้ผู้ใช้งานสามารถฝึกฝนภาษาอังกฤษกับติวเตอร์-เอไอ (Membot) แบบตัวต่อตัวอีกด้วย ถือว่าเป็นนวัตกรรมล้ำๆ ที่ทำให้คุณสนุกสนานเพลิดเพลินได้อย่างเต็มที่ 3. CAKE แอปพลิเคชั่นเรียนภาษาภาษาจากวิดีโอที่มีชื่อน่ารัก ๆ อย่าง CAKE เป็นอีกหนึ่งแอปที่ช่วยฝึกด้านสำนวนภาษาอังกฤษและเกาหลีผ่านบทเรียนที่เป็นระบบมินิเกม ทำให้เกิดการเรียนรู้ จดจำ พร้อมกับความเพลินเพลินสนุกสนาน นอกจากนั้นในแอปยังมี Lesson ให้เลือกเรียนตามหัวข้อต่าง ๆ กับเจ้าของภาษาและทดสอบความสามารถผ่านควิซภายในแอป เรียกได้ว่าครบ จบ ที่แอปเดียวเลย…

หลายครั้งพฤติกรรมบางอย่างที่แสดงออกมา เราก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนั้น จนทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง หรือแม้แต่ตัวเองก็ไม่พอใจที่แสดงพฤติกรรมเหล่านั้นออกมา แต่ทุกอย่างสามารถแก้ได้ เพียงแค่เรา “เข้าใจตัวเอง” ให้มากยิ่งขึ้น แต่การจะเข้าใจได้นั้น ก็ต้องมีหลักการหรือทฤษฎีมารองรับเสียหน่อย เพื่อการพัฒนาที่ดีและตรงจุด เราขอแนะนำให้รู้จักกับ Satir Model แนวคิดทางด้านจิตวิทยาเพื่อ บำบัดจิต ที่วงการจิตแพทย์ทั่วโลกต่างก็ใช้กันอย่างแพร่หลาย เริ่มต้นเข้าใจตัวเอง ด้วย ซาเทียร์โมเดล บำบัดจิต ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับแนวคิดของ Satir Model กันก่อน โดยแนวคิดนี้คิดโดย เวอร์จิเนีย ซาเทียร์ แพทย์บำบัดครอบครัว ที่ได้นำเรื่องของจิตใจมนุษย์มาเปรียบเทียบเป็นภูเขาน้ำแข็ง ที่ปกติจะมียอดน้ำแข็งโผล่พ้นน้ำ ในขณะที่ภูเขาน้ำแข็งส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ก้นบึ้งของมหาสมุทร โดยสามารถแบ่งชั้น ๆ ได้ดังนี้ 1. พฤติกรรมที่แสดงออกมา (Behavior) สิ่งที่เห็นได้ชัดหรือเห็นได้ด้วยตาเปล่า นั่นก็คือพฤติกรรมที่สามารถแสดงออกได้ผ่านทางคำพูด น้ำเสียง อากัปกริยา หรือการแสดงออกต่าง ๆ ที่อาจตอบสนองกับตัวเอง หรือต้องการจะสื่อสารกับผู้อื่น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับความรู้สึก ตัวอย่างเช่น ลูกกลับบ้านช้า ไม่เป็นไปตามที่ตกลง พ่อแม่เลยตีลูก ซาเทียร์จัดให้ส่วนนี้เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งที่พ้นน้ำ 2. ความรู้สึก (Feelings) ความรู้สึก นับว่าเป็นสิ่งที่เรารู้สึกอยู่ภายในและเลือกที่จะแสดงออกมาให้เห็น เช่น ดีใจ เสียใจ เศร้า หดหู่ สิ้นหวัง ท้อแท้ เหนื่อย กลัว และอื่น ๆ ที่สามารถระบุได้ว่าเป็นความรู้สึก ตัวอย่างเช่น พ่อแม่โกรธลูกที่กลับบ้านช้าสุด ๆ แต่ความรู้สึกของมนุษย์ ไม่ได้มีเพียงแค่ “ความรู้สึก” ที่แสดงออกมาเท่านั้น เพราะความรู้สึกของมนุษย์มีความซับซ้อนขึ้นไปอีกว่า ความรู้สึกที่ได้เกิดขึ้น แท้จริงแล้วในใจลึก ๆ…

Multitasking และ Prioritizing skills จำเป็นมากจริง ๆ กับการทำงานในยุคสมัยนี้เพื่อให้ก่อเกิด Productivity ไม่ว่าจะสายอาชีพใด ยิ่งเมื่อคุณโตขึ้น ความรับผิดชอบมากขึ้น คุณต้องรับผิดชอบทั้งงานหลัก (Main goal) ควบคู่ไปกับงานรอง (Sub goal) ในบางสายอาชีพยังอาจถูกงานประเภท Operation Supports แทรกเข้ามาอย่างเร่งด่วนเป็นประจำ หรือหากคุณเป็น Specialist จ๋า แน่นอนว่าคุณต้องมีหน้าที่ให้คำปรึกษา คอยรับโทรศัพท์ ตอบ LINE หรืออีเมลจากผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณอยู่เสมออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กิจกรรมหรือ tasks ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ถ้าหากว่าคุณไม่มีพาร์ทเนอร์ประจำตัวคอยช่วยสะกิดเตือน นั่นหมายถึงคุณก็คงต้องจำอะไรเองทั้งหมดคนเดียว หรือไม่มีแพลนเนอร์มาช่วยจัดการและช่วยลำดับงาน คุณก็คงต้องใช้วิธีการจดโน๊ตแบบง่าย ๆ ในสมุดหรือ post-it ซึ่งถ้ามีงานสองงานก็พอไหว แต่หากมีเป็นสิบ ๆ tasks ต่อวัน แค่คิดตามก็ปวดหัวแล้ว ! ปัญหานี้สำหรับในทุกวันนี้แล้ว มันก็ไม่ได้แก้ไขยากเท่าไหร่ เพียงคุณลองมองหาเทคโนโลยี และใช้แอปพลิเคชั่นจำพวกแอพจัดตารางงาน เลือกแอพที่ตรงกับรูปแบบอาชีพและสไตล์การทำงานของตัวคุณเอง รับรองเลยว่าเจ้าแอพเหล่านี้มันช่วยเป็นทั้งแพลนเนอร์และพาร์ทเนอร์ให้คุณได้อย่างดี การันตี Productivity ของคุณจะต้องเพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ 7 แอพจัดตารางงาน เป็นทั้งพาร์ทเนอร์และแพลนเนอร์ เลือกใช้ตามสไตล์ การจะเลือกแอพจัดตารางงาน เพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ช่วยเตือนความจำ หรือเป็นแพลนเนอร์ช่วยจัดการและช่วยลำดับงานให้ตัวคุณเองนั้นเป็นเรื่องสำคัญ โดยคุณควรจะต้องเลือกให้ตรงกับรูปแบบอาชีพและสไตล์การทำงานของตัวคุณเอง แอพไหนที่ User Interface ใช้ง่ายสำหรับคุณ รองรับปริมาณงานและรูปแบบงานที่ตรงกับข้อมูลงานของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือแอพที่ใช้นั้นต้องมีฟีเจอร์หลักที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับคุณได้ เพราะเมื่อใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วยแล้ว Productivity ของคุณต้องเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการที่คุณต้องลองศึกษาจากทั้ง 7 แอพผู้ช่วยในการจัดตารางงานยอดฮิตเหล่านี้ ที่เราสรุปมาให้หรือลองไปดาวน์โหลดมาใช้เสียก่อน 1. Planner Pro แอพจัดตารางงาน…