*Trendy Now

ชั่วโมงนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความร้อนแรงของ House of the Dragon ซีรีส์ยอดนิยมส่งท้ายปี ดีไม่แพ้ซีรีส์ในสตอรี่ไลน์เดียวกันอย่าง Game of Thrones และเชื่อไหมว่า.. เพียงแค่ซีซันที่หนึ่งก็สามารถโกยสกอร์จากบ้าน imdb ไปถึง 8.6/10 และจาก Rotten Tomatoes 86% หากคุณเป็นคนนึงที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้ว จะเห็นว่าตัวละครใน House of the Dragon มีความโดดเด่นและบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของตัวละครนึงมักพาคุณไปเจอประเด็นต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้น ซับซ้อนแต่ก็สอดประสานกันได้อย่างสนุก…

*รักโลก รักสุขภาพ

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย…

Business knowledge 77%
Technology 71%
Self development 90%
Potential improvement 86%

Athena new release

ถอดบทเรียน “ธุรกิจเจ๊ง” เช็คความเสี่ยงว่าธุรกิจคุณเข้าขั้นวิกฤตแล้วหรือยัง ? ปกติแล้วบทความส่วนใหญ่จะให้หนทางทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ พร้อมแนะนำเคล็ดลับต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าหากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจหรือทำธุรกิจแล้วกำลังประสบกับความเสี่ยงในการทำให้ ธุรกิจเจ๊ง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? Convincing จิตวิทยาและวาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจ “เคล็ดลับ! การโน้มน้าวใจคนให้สำเร็จ ด้วยเทคนิคเชิงจิตวิทยาและศิลปะการพูด”หลักการและเหตุผลการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันหลากหลายองค์กรต่างเห็นความสำคัญถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์”บุคลากร”ทางด้านทัศนคติกระบวนการความคิดให้เกิดความสุขในการทำงาน องค์กรจึงต้องนำศาสตร์และศิลป์ทางจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในการวางแผน บริหารจัดการ การจูงใจ การเจรจาต่อรอง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? หลักสูตร Generative AI for Productivity เรียนออนไลน์ผ่าน Zoom Meeting…

เปิดรับสมัครแล้ว คอร์สเรียนออนไลน์ “ก้าวแรกสู่ การพูดในที่สาธารณะ” คอร์สเรียนทักษะการพูดในที่สาธารณะที่โฟกัสตรงจุด ทำให้คุณพัฒนาทักษะการพูดเป็นเร็วขึ้น SPEAK SPARK ได้กลั่นกรอง “ศาสตร์และศิลป์”…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลงานขององค์กรเพื่อให้ได้งานเชิงพัฒนามากขึ้น หลายองค์กรได้เลือกทำการปรับปรุงแนวทางการกำหนดตัวชี้วัดผลงานเช่น KPIs โดยเปลี่ยนไปเป็นการตั้งเป้าหมายในเชิงพัฒนา รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดผลงานแบบที่มุ่งเหตุที่ทำให้เกิดผล และผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการ มากกว่าที่จะตั้งตัวชี้วัดผลงานแบบงานประจำ และตัวชี้วัดผลงานที่มุ่งวัดผลเบื้องต้นเท่านั้น…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? ทําความรู้จักกับไคเซ็น (KAIZEN) เครื่องมือที่ช่วยในการทําไคเซ็นในสํานักงาน หมวดหมู่ งานบุคคล HR การทำงาน…

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย ตลอดจนการลงทุนาสร้างโปรเจคอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไร และแน่นอนว่ามันคีพคูลเข้ากับเทรนด์ Eco Friendly ในเจเนอเรชั่นนี้มาก…

ในปัจจุบันผู้คนมักมุ่งหน้าตั้งใจเรียน มุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่ออนาคตที่ดี แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ต้องแลกอะไรบางอย่างกลับมา ไม่ว่าสุขภาพทางด้านร่างกายที่อาจเป็นออฟฟิศซินโครม มีปัญหาเรื่องสายตา ในขณะเดียวกันสุขภาพใจอาจมีปัญหาในเรื่องของความเครียด อาการ Burnout Burndown รวมไปถึงความวิตกกังวลจนนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าได้ ดังนั้นการโฟกัสหรือมีแพสชั่นกับการหา งานอดิเรก ที่เราสนใจ ก็เป็นอีกวิธีที่ดีและใครหลายคนกำลังทำกัน เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพกายและใจ นี่จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก และถ้าหากเป็น งานอดิเรก เป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้วด้วยนั้น ก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกอิ่มเอมใจได้อย่างแน่นอน เพิ่มพลังบวกเหลือ ๆ ให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี และในลิสต์ไอเดียแนะนำงานอดิเรกที่หาทำได้ง่ายในยุคนี้ มีอะไรบ้าง ตรงกับใจคุณบ้างไหมเอ่ย.. ? แนะนำ 6 งานอดิเรก หาทำได้ง่าย ส่งเสริมสุขภาพใจที่ดี เพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง การทำ งานอดิเรก จะทำจากสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่แล้วก็ได้ หรือถ้าหากใครอยากหาอะไรใหม่ๆ ก็ได้เช่นเดียวกัน แต่การทำงานอดิเรกขอแนะนำว่ามีการกำหนดช่วงเวลาใน 1 สัปดาห์อย่างชัดเจนจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นถ้ารอแต่วันว่าง สุดท้ายวันว่างอาจไม่มีอยู่จริงก็ได้ โดยไอเดียที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ทำมีดังต่อไปนี้ 1. วาดรูปและระบายสีเรียนรู้ความรู้สึก การวาดรูปและระบายสีจะทำให้คุณโฟกัสลงไปในกระดาษ อยากจะวาดรูปแบบไหนก็วาด อยากเลือกระบายสีอะไรก็ระบาย เพียงแค่ปล่อยใจไปกับงานศิลปะเหล่านั้น เมื่อวาดผลงานเสร็จคุณจะโล่งใจขึ้นเพราะโฟกัสอยู่กับงาน ในขณะเดียวกันความรู้สึกอัดอั้นก็ออกผ่านภาพวาด ซึ่งงานอดิเรกนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก และมีหลายสตูดิโอเลยทีเดียวที่รับทำคิลปะบำบัดเพื่อเรียนรู้จิตใจของเราได้ดีมากยิ่งขึ้น 2. เขียน Diary แบบ Free writing สำหรับใครที่ชอบการเขียน โดยเฉพาะชาว introvert ขอแนะนำว่าลองหาสมุดเล่มหนึ่งมาทำเป็น Diary แต่ทีนี้ในการเขียนไม่จำเป็นต้องระบุว่าจะเขียนเรื่องอะไร จะใช้ภาษาแบบไหน จะลำดับเรื่องอย่างไร ขอแนะนำให้เขียนแบบ Free writing ที่ปล่อยมือให้เขียนตามความคิดที่แล่นอยู่ขณะนั้น เขียนไปเรื่อยๆ ไม่หยุด ที่ต่อให้แม้ในหัวจะคิดว่า “คิดไม่ออกๆ” ก็ให้เขียนแบบนั้นไปเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งนี้จะถือว่าเป็นการระบายความคิดในหัวและความรู้สึกที่ขุ่นข้องในใจ และหากมาอ่านทวนคุณจะรู้เลยว่ากำลังเครียดหรือคิดวนกับเรื่องอะไรอยู่ 3.…

มีเป้าหมาย มีจุดมุ่งหมายในชีวิต มีความฝัน แต่ยังผลัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อย ๆ ใครตั้ง เป้าหมาย ไว้เมื่อปีก่อน จนเวลาผ่านมาถึงท้ายปี และขึ้นปีใหม่แล้วก็ตาม แต่ยังไม่สำเร็จซักอย่าง ลองนำแนวคิดของเทคนิคการปลดปล่อยพลังเพื่อพิชิตเป้าหมายนี้ไปใช้ดู เมื่อเรารู้จุดมุ่งหมายในชีวิต กำหนดวิสัยทัศน์ และทำสิ่งที่เราต้องการและปรารถนาอย่างแท้จริงให้กระจ่างชัดขึ้นมาแล้ว จากนั้นเราต้องแปลงมันให้อยู่ในรูปของเป้าหมายและจุดประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงและวัดผลได้ แล้วปฏิบัติไปตามนั้นด้วยความแน่ใจว่าเราจะสามารถทำมันให้สำเร็จได้ สมองเป็นกลไกหนึ่งของการเสาะหาเป้าหมาย ไม่ว่าเราจะกำหนดเป้าหมายใดให้กับจิตใต้สำนึก สมองจะทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อทำเป้าหมายนั้นให้เป็นจริง เท่าไหร่และเมื่อไหร่ เพื่อให้มั่นใจว่าเป้าหมายจะปลดปล่อยพลังของจิตใต้สำนึกออกมา มีเกณฑ์สองข้อด้วยกัน นั่นคือ เราจะต้องกำหนดเป้าหมายในแบบที่เราและคนอื่น ๆ สามารถวัดผลได้ เช่น การกำหนดเป้าหมายว่า ฉันจะลดน้ำหนักลง 5 กิโลกรัม แต่เดี๋ยวนะ อันนี้มันยังธรรมดาไป ! จะดีกว่าไหม ถ้า…ฉันจะลดน้ำหนักลง 5 กิโลกรัม ให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ !!! ดังนั้นเกณฑ์สองข้อที่กล่าวไปข้างต้นนั้น หมายถึง “เท่าไหร่” และ “เมื่อไหร่” นั่นเอง Tip: ระบุเป้าหมายทุกด้านให้เฉพาะเจาะจงมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น รุ่น สี ปีที่ผลิด ขนาด น้ำหนัก หรืออื่น ๆ จำไว้ว่า หากเป้าหมายคลุมเครือ ผลลัพธ์ก็จะคลุมเครือเช่นกัน เป้าหมาย เป็นมากกว่าแค่ ความต้องการ มีเหมือนกันที่ในบางครั้งเป้าหมายของเรา ไม่มีเกณฑ์วัดผล ซึ่งมันก็จะเป็นเพียงบางสิ่งที่เราปรารถนา หรือความต้องการ เช่น ฉันอยากเป็นเจ้าของบ้านที่มีสวนสวย ๆ หรือ ฉันอยากเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาคนนั้น …อะไรแบบนี้ ดังนั้น เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงกับจิตใต้สำนึกของเราได้ จำเป็นต้องมีเทคนิควิธีคิดเพื่อให้สามารถเกิดการวัดผลให้ได้…

ไม่มีใครทำอะไรแบบเดิม แล้วได้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไป การ “คิดบวก” หรือพยายามเปลี่ยนแปลงความคิดไปในเชิงบวก เป็นองค์ประกอบของการรักตัวเอง เพื่อให้คุณกลายเป็นคนที่ดีและมีความสุขกว่าเมื่อวาน หากในทุกวันนี้.. คุณเป็นคนนึงที่คิดอะไรติดขัด สมองไม่แล่น เจรจาไม่คืบหน้า ความสัมพันธ์ดำดิ่ง ไม่เป็นตามความคาดหวัง และสวนทางกับแรงพยายามที่ทุ่มเทลงไป ลองปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิด คิดบวกให้มากขึ้น เปิดรับความรู้หลายแขนง ยอมรับการเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากที่จะลองรับข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณา และนี่เป็นข้อมูลสาระเพื่อเปิดมุมมองใหม่ ๆ นำมาแบ่งปันสำหรับคนที่อยากไปดาวอังคารโดยไม่ต้องรอขึ้นยานของ Space X เรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองไปพร้อมกัน ที่บางส่วนเรียบเรียงมาทั้งหมด 10 อย่าง จากหนังสือ Good Vibes, Good Life ของ เว็กซ์ คิงส์ คุณไม่จำเป็นต้องทำให้ได้ทั้งหมด ลองอ่านและเลือกทำจากสิ่งที่ง่ายที่สุดเป็นลำดับแรกก่อน ขอบคุณให้เก่ง เริ่มต้นด้วยการกระทำง่าย ๆ แต่มีอิมแพ็คสูง เพราะการรู้สึกขอบคุณนั้นทำได้ง่ายและทันที ไม่มีใครรู้สึกแย่ ในขณะที่รู้สึกขอบคุณ การรับรู้เรื่องดี ๆ ในแต่ละวันและรู้สึกขอบคุณกับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตจะทำให้คุณเห็นแสงสว่าง และมองสิ่งรอบข้างในแง่ดีได้อย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะบ่นว่าอ้วน.. ลองนึกดูว่าบางคนยังไม่มีแม้อาหารให้กิน ก่อนจะบ่นเรื่องงาน.. บางคนอาจไม่มีแม้กระทั้งเงิน ก่อนจะบ่นเรืองทำความสะอาดบ้าน.. ตระหนักให้ดีว่าบางคนไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่อาศัย อยู่กับคน “คิดบวก” วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าพลังงานถ่ายทอดกันได้ ดังนั้นการอยู่ท่ามกลางคนคิดบวกคือคีย์เวิร์ดสำคัญ เอาตัวเองไปอยู่รอบ ๆ คนที่รู้สึกดีกว่าคุณ ให้พลังบวกของพวกเขาซึมซับไปที่คุณ เวลารู้สึกไม่ค่อยดี พยายามอยู่ใกล้คนที่รู้สึกดีไว้ คนร่าเริง คนที่เราไว้ใจ คุณจะดูดซับพลังงานบางส่วนจากพวกเขาได้ ทำตัวคุณให้เหมือนสาหร่ายสีเขียวที่คอยดูดซับพลังงานจากพืชชนิดอื่น พวกเขาเหล่านั้น กลุ่มคนคิดบวกมักให้มุมมองเกี่ยวกับปัญหาของเราได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากเขามีอารมณ์เป็นบวก จึงมีแนวโน้มที่จะมีวิสัยทัศน์เชิงบวกต่อสิ่งที่เรากำลังเผชิญ โดยจะพยายามมองหาข้อดีของปัญหานั้น ๆ และให้เรายกระดับความรู้สึกหันไปจดจ่อกับสิ่งอื่นที่ช่วยยกระดับความรู้สึกมากกว่า ดังนั้นขอให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืนกับคนคิดบวกไว้เสมอ…

การมีชีวิตคู่กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก แต่การมี “คู่ชีวิต” ที่รวมหัวจมท้ายไปด้วยกันเป็นอะไรที่ยากกว่า และการที่จะเป็นเช่นนั้น มันต้องเกิดขึ้นจากคนสองคน ที่ต้องทำความเข้าใจกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน และมีหัวใจให้กันและกัน นับเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะหาคน ๆ นั้นเจอ บางครั้งก็ทำให้ชีวิตถึงกับเป๋ไปอีกทาง แต่ถ้าหากมีคู่ที่ดีมาก ๆ ก็นับว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง ที่คุณอาจได้พบอะไรที่เหนือความคาดหมาย แล้วการมีคู่ชีวิตที่ดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่งอย่างโบราณว่าไว้นั้นจริงหรือ ? ไปหาคำตอบกัน !.. If you live to be a hundred, I want to live to be a hundred minus one so I never have to live without you.ถ้าเธออยู่ถึงร้อยปี ฉันอยากอยู่ให้ได้แค่ร้อยลบหนึ่งวัน เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องอยู่โดยไม่มีเธอแม้แต่วันเดียว มีคู่ชีวิตดี..มีชัยไปกว่าครึ่ง ใช่เรื่องจริงหรือ ?! ถ้าหากคุณสังเกตคนที่เป็นคนใหญ่คนโต หรือคนดังไม่ว่าจะสายอาชีพไหน ส่วนใหญ่พวกเขาจะมีคนอีกคนคอยอยู่เคียงข้างเสมอ และช่วยกันผลักดันกันและกัน จนนำไปสู่เป้าหมายที่ทั้งสองได้ตั้งไว้ และทำให้ประสบความสำเร็จมากมาย ยกตัวอย่างคู่รัก Workaholic อย่าง บารัค โอบามา และมิเชลล์ภรรยาของเขา ที่คอยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนนี้เสมอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจเลยว่าทำไมเขาทั้งสองถึงกลายเป็นคู่ชีวิตที่ดี..มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะทั้งคู่ต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการพัฒนาประเทศตอนที่ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้เป็นไปอย่างครรลองครองธรรม จนมิเชลล์ได้รับฉายา “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง” ไปอย่างไม่มีที่ติ ซึ่งนับว่าเป็นคู่สร้าง คู่สมที่เหมาะเป็นตัวอย่างของคนทั้งโลก วิธีสังเกตคู่ชีวิตที่ดี ตามหลักศาสนาพุทธ จากคำตอบที่ได้ก่อนหน้านี้ว่า “มีคู่ชีวิตที่ดี..มีชัยไปกว่าครึ่ง” นับว่าเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่ดีของแต่ละคนก็จะนิยามแตกต่างกันไป…

หากคุณเป็นคนนึงที่เพิ่งเรียนจบกำลังจะเริ่มทำงาน หรือเคยทำงานมาแล้วแต่กำลังจะย้ายไปที่ทำงานใหม่ เชื่อว่าคุณต้องมีความประหม่ากับเส้นทางเดินใหม่ของชีวิตนี้อยู่บ้าง ข้อคิดที่น่าสนใจคือ.. คุณที่ได้สวมหมวกพนักงานใหม่ต้องทำอย่างไรที่จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ “เพื่อนร่วมงาน” คุณควรจะวางตัวแบบไหนให้เหมาะสมกับสังคมและสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ เพราะต่อให้งานที่ทำหรือบริษัทจะดีแค่ไหน แต่การสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานหรือคอนเนคชั่นก็ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน หากคุณเจอเพื่อนร่วมงานที่ดี พวกเขาก็พร้อมช่วยเหลือ พร้อมผลักดัน หรืออย่างแย่คือต่อให้เขาเหล่านั้นไม่ค่อยโอเคสำหรับคุณ แต่หากคุณอยู่เป็นหรือวางตัวได้อย่างเหมาะสม ก็จะทำให้บรรยากาศการทำงานเป็นไปด้วยดีได้เช่นกัน วิธีง่าย ๆ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ “เพื่อนร่วมงาน” กรณีที่คุณเป็น New Joiner ของบริษัทหรือเพิ่งเข้ามาทำงาน ดังนั้นเนื้อหาส่วนนี้จะแนะนำวิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานในที่ทำงานใหม่ ซึ่งเป็นอะไรที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะ First impression จะเป็นสิ่งที่คนเราจดจำได้ดีที่สุดเมื่อได้รู้จักใครบางคน และอาจจะพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ในทิศทางที่ดี และอาจเสริมให้หน้าที่การงานให้เป็นไปในทิศทางที่ดีด้วยเช่นกัน ขอให้คุณเปิดใจก่อนศึกษาวิธีดังต่อไปนี้ 1. ทักทายและตั้งคำถามที่รีแล็กซ์ สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาทำงานในวันแรก คุณควรทักทายทุกคนที่จำเป็นต้องทำงานด้วย เราขอเน้นว่า “คนที่ต้องทำงานด้วย” เราไม่ได้อยากให้คุณทักทายใครก็ได้ไปเรื่อย เพราะมันจะดูแปลกประหลาดในสายตาคนอื่นที่มองคุณในฐานะที่เป็นพนักงานน้องใหม่ และอยากให้คุณเน้นเรื่องของการแสดงความจริงใจและรอยยิ้ม นอกจากนี้.. หากสามารถทำได้ก็ขอแนะนำให้ถามเกี่ยวกับการทำงานทั่ว ๆ ไปกับคู่สนทนา ไม่ต้องลงรายละเอียดมากนัก และคุณก็ควรหาจังหวะบอกข้อมูลของตัวเองโดยไม่ต้องลงรายละเอียดมากด้วยเช่นกัน จากนั้นคุณอาจจะลองเริ่มบทสนทนาเรื่องรีแล็กซ์ทั่ว ๆ ไป อย่างเช่นว่า “ปกติกินข้าวกันที่ไหน” “การเดินทางมาทำงานเป็นอย่างไร” สิ่งเหล่านี้คือเบื้องต้นที่ควรจะทำในการสร้างความสัมพันธ์ ในตอนที่เพิ่งเข้าทำงานวันแรก ๆ กับเพื่อนร่วมงาน 2. เสนอความช่วยเหลืออย่างพอดี การให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน นับเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี แต่อย่าลืมว่าคุณจะต้องทำงานของตัวเองให้เสร็จก่อน และถ้ามีเวลาเหลือก็สามารถเสนอตัวเข้าไปช่วยได้ หรือถ้าหากมีใครต้องการขอความช่วยเหลือ และถ้าคุณสามารถช่วยเหลือได้โดยที่ไม่ทำให้งานของตัวเองเสีย ก็ให้รีบตอบรับในทันที เมื่อรับปากแล้วคุณควรพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ในจุดนี้จะเปิดโอกาสให้คุณได้รู้จักเพื่อนร่วมงานดีมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับข้อนี้.. อยากให้ข้อคิดกับคุณว่า นิสัยใจคอของคนเรานั้นมากมายหลากหลาย หากคุณพบว่าเพื่อนร่วมงานคนนั้นของคุณร้องขอความช่วยเหลือบ่อย ๆ ในชนิดที่คุณเริ่มเอะใจแล้วว่าคือการเอาเปรียบ ให้คุณรีบถอยออกมา และปฏิเสธอย่างมีมารยาท 3. Team is…